Kitto X อ๊กแทคยอน
วันนี้เราได้พูดคุยกับอ๊กแทคยอนเกี่ยวกับกิจกรรมระดับโลกและภาพยนตร์ญี่ปุ่นที่จะออกฉายใหม่
♦︎ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ เป็นยังไงบ้างคะ?
แทคยอน | ปีนี้มีกิจกรรมโปรโมทที่ต่างประเทศเยอะครับ เริ่มต้นจากแฟนมีทติ้งเอเชีย ผมได้เข้าถ่ายภาพยนตร์ญี่ปุ่น ผมยุ่งกับการไปๆมาๆระหว่างญี่ปุ่นกับปารีสครับ (หัวเราะ)
♦︎ การเข้าร่วมงาน Gold Gala ในสหรัฐอเมริกาเมื่อไม่กี่เดือนก่อน กลายเป็นประเด็นร้อน คุณแทคยอน ได้รับเชิญไปงาน Gold Gala 2 ปีซ้อนแล้ว การเข้าร่วมงาน Gold Gala รู้สึกยังไงบ้างคะ?
แทคยอน | การได้รับเชิญมาที่งาน Gold Gala ก็รู้สึกเป็นเกียรติมากแล้วครับ ตั้งแต่ผมยังเป็นเด็ก ผมอาศัยอยู่ในอเมริกา และไม่ได้เห็นชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชีย มารวมตัวกันเพื่อทำอะไรด้วยกัน ดังนั้นจึงไม่ได้เชื่อเลยว่าคนเอเชียที่มีอิทธิพล ที่อยู่ในวงการอุตสาหกรรมที่หลากหลาย จะมารวมตัวกันเพื่อทำอะไรสักอย่างครับ ช่วงนี้ K-POP หรือ K-Drama ก็มีอิทธิพลมากขึ้นเรื่อยๆนะครับ ผมเองก็นึกถึงตอนเด็ก ๆ และรู้สึกประหลาดใจครับ ผมได้เข้าร่วมงาน Gold Gala และได้สัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงนั้น ได้รู้สึกภาคภูมิใจครับ
♦︎ มันเกิดขึ้นแค่ไม่กี่ปีเอง ยุคที่คนเอเชียได้รับการยอมรับและได้รับความสนใจกำลังจะมาถึงแล้วค่ะ คุณรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนี้คะ
แทคยอน | ใช่แล้วครับ ในส่วนเหล่านั้นสำหรับผม ได้รู้สึกพิเศษครับ นอกจากนี้ นักแสดง ยุนยอจองยังได้รับความสนใจอย่างมากในงานนั้น ผมไม่ได้คิดว่าจะกลายเป็นดารา แต่ผมคิดว่า สิ่งที่ผมคิดตอนเด็กๆ มันเปลี่ยนไปมาก ผมรู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นคนหนึ่งในเกาหลีที่มีอิทธิพลทางวัฒนธรรมระดับโลก
♦︎ เอ้อ! ปีที่แล้วมีข่าวดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยนะคะ ได้ยินมาว่ากำลังเตรียมการทำกิจกรรมที่อเมริกา หลังจากเซ็นสัญญากับเอเจนซี่ WME ค่ะ
แทคยอน | น่าเสียดายที่ล่าสุดนี้ไม่สามารถเข้าร่วมได้เนื่องจากปัญหาเรื่องตารางงาน แต่ก็มีโอกาสได้จริงมากมายครับ ชาวเอเชียในคอนเทนต์ที่ผมเคยเห็นตอนเด็กๆ โดยเฉพาะผู้ชาย มักจะเป็นเนิร์ด หรือนักมวยกังฟู ในคราวนี้ตอนที่เซ็นสัญญากับ WME Agency ผมบอกไปว่าไม่อยากแสดงแต่บทบาทแบบนั้น คนเอเชียก็สามารถแสดงละครโรแมนติก หรือบทบาทเท่ๆ ได้ดีนะครับ ผมไม่อยากอยู่บนเวทีฮอลลีวูด (Hollywood) ด้วยอคติแบบนั้น แต่พอเริ่มเตรียมกิจกรรมที่อเมริกาแล้ว ก็ได้มีโอกาสหลายๆอย่าง แล้วผมก็รู้สึกดีครับ
♦︎ เวลาถูกแคส บทบาทของงานมีความหลากหลายมากขึ้นมั้ยคะ?
แทคยอน | ถึงแม้จะออดิชั่นอยู่เยอะ แค่ดูบทบาทที่ได้ถูกแคส ก็รู้สึกว่าบทบาทหลากหลายมากขึ้นแล้วครับ เป็นการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวก เมื่อเทียบกับเมื่อก่อน (หัวเราะ)
♦︎ รู้สึกยังไงบ้าง กับการเข้าสู่ตลาดต่างประเทศอย่างเป็นทางการคะ?
แทคยอน | ผมได้เข้าร่วมงาน Gold Gala และได้เข้าร่วมมีตติ้งหลายๆครั้ง หนึ่งในส่วนที่รู้สึกเหนื่อยก็คือ คนอเมริกันไม่ค่อยรู้จัก 'อ๊กแทคยอน' เท่าไหร่ครับ เพราะฉะนั้นทุกครั้งที่เจอกับคนใหม่ ก็ต้องแนะนำตัวว่า 'ผมเป็นนักร้อง นักแสดงครับ' ตอนที่ผมต้องอธิบายเกี่ยวกับประวัติการทํางาน ตอนแรกผมค่อนข้างอายครับ แต่ตอนนี้จะนิ่งเฉยมากขึ้น
♦︎ สาเหตุของการเปลี่ยนแปลงนี้คืออะไรคะ ?
แทคยอน | จริงๆ แล้วก็ไม่น่าแปลกใจที่คนอเมริกันจะไม่รู้จักผม เมื่อผู้ที่ไม่สนใจหรือเจ้าหน้าที่ที่ต้องหาคนใหม่ในอุตสาหกรรมนี้พบกับผม ก็น่าจะดีมากครับ เป็นโอกาสที่ดีในการสร้างความประทับใจ ในการพบกันครั้งแรกครับ
♦︎ ดิฉันคิดว่ามันจะเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้เห็นอีกด้านของอ๊คแทคยอน
แทคยอน | ครับผม เพราะฉะนั้นผมก็เลยกำลังคิดบวกอยู่ครับ
♦︎ เมื่อไม่นานมานี้ อ๊กแทคยอนได้เปิดตัวกิจกรรมอีกกิจกรรมหนึ่ง ในฐานะพิธีกรในงาน ASIA STAR ENTERTAINER AWARDS ที่จัดขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่นค่ะ
แทคยอน | ผมได้เจอรุ่นน้องบนเวที เป็นช่วงเวลาที่ผมสนุกมากเลยครับ จริงๆแล้วปกติถึงแม้ผมจะฟังเพลง แต่ก็ไม่ได้ดูการแสดงครับ ผมก็เลยได้ดูอย่างสนุกตลอดเลยครับ
♦︎ ถึงแม้จะทำกิจกรรมที่ญี่ปุ่นเป็น 2PM มานานแล้ว แต่ดิฉันคิดว่ากระแสเกาหลีในตอนนี้ กับสมัยที่คุณแทคยอนทำกิจกรรม น่าจะต่างกันนิดหน่อยครับ
แทคยอน | ระหว่างที่ถ่ายทำภาพยนตร์ญี่ปุ่น มีสิ่งที่รู้สึกที่สถานที่ถ่ายทำด้วยครับ สต๊าฟ โดยเฉพาะคนหนุ่มสาว เรียนภาษาเกาหลีกันเยอะเลยครับ ผมว่ากระแสเกาหลีสมัยนี้ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับยุคสมัยครับ
♦︎ อย่างที่คุณได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ มีข่าวเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่อง <La Grande Maison Paris> ที่ถ่ายทำที่ญี่ปุ่นและปารีส ได้ยินว่าจะร่วมแสดงภาพยนตร์กับคิมูระ ทาคุยะ ด้วยค่ะ
แทคยอน | ภาพยนตร์เรื่อง <La Grande Maison Paris> เป็นภาพยนตร์พิเศษของละครเรื่อง <La Grande Maison Tokyo> ออกอากาศทางช่อง TBS นอกจากคิมูระ ทาคุยะ แล้ว ยังมีนักแสดงในละครอย่าง เคียวกะ ซูซูกิ ซาวามูระ อิกกิ และ มิทสึฮิโระ โออิคาวะ ที่เข้าร่วมในภาพยนตร์และฉากหลังย้ายไปปารีส เป็นเรื่องราวของ คิมูระ ทาคุยะ และ เคียวกะ ซูซูกิ กลับปารีส เพื่อที่จะได้รับรางวัล 3 ดาวมิชลิน มีเชฟหลายสัญชาติเลย ริคยูบทบาทที่ผมแสดงเป็นปาติซิเย่ชาวเกาหลี-แคนาดา ริคยูค่อนข้างเป็นบทบาทที่ดื้อรั้นและก่อปัญหาครับ
♦︎ ตอนที่ดูบทภาพยนตร์ครั้งแรก คิดว่าเสน่ห์ของภาพยนตร์เรื่องนี้คืออะไรคะ?
แทคยอน | นี่เป็นคำที่รุ่นพี่คิมูระ ทาคุยะ ได้พูดเอง (หัวเราะ) ที่ญี่ปุ่นมีการ์ตูนชื่อดังเรื่อง 'Weekly Boy Jump' อยู่ครับ ในการ์ตูน ตัวเอกรวบรวมเพื่อนร่วมงาน มาทีละคนๆ แล้วทำให้พวกเขากลมกลืนกัน การ์ตูนนี้เรียกว่า 'The Kingdom of Boys' ครับ ในบริบทนั้น <La Grande Maison Paris> เป็นการ์ตูนวัยกลางคน เรียกว่า 'Weekly middle-age Jump' พอได้ฟังเรื่องนั้นผมก็รู้สึกประทับใจครับ
ริคยูอันที่ผมรับบทเป็นตัวละคร ที่ขัดขืนและก่อปัญหาในช่วงแรกๆครับ แต่พอค่อยๆปรับตัวเข้ากับตัวเอก โดยไม่รู้ตัวแล้วก็เปิดใจครับ มันให้ความรู้สึกเหมือนหนังการ์ตูน ที่ผมเคยดูเมื่อตอนเป็นเด็ก ถ้าเป็นหนังที่มีเนื้อหาแบบนี้ ผมคิดว่าผมเองก็คงจะถ่ายทำได้อย่างสนุกเหมือนกันครับ
♦︎ สถานที่ถ่ายทำเป็นยังไงบ้างคะ?
แทคยอน | ถ่ายทำที่ญี่ปุ่นประมาณ 3 สัปดาห์ แล้วก็ไปปารีสถ่ายทำเป็นเวลาประมาณ 2 สัปดาห์แล้วครับ โดยส่วนตัวแล้ว เป็นช่วงเวลาที่สนุกมากครับ รุ่นพี่ที่มาออกรายการด้วยกัน ก็โพรเฟสเชินเนิลด้วย รุ่นพี่ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงอายุ 40-50 ปีครับ ผมอยู่ในช่วงอายุ 30 ปีคนเดียวครับ (หัวเราะ) ตอนซ้อม รุ่นพี่แชร์ไอเดียมากมาย และเอาใจใส่พวกเราเยอะมาก ก็เลยถ่ายทำอย่างสนุกเลยครับ
♦︎ ตอนเจอกับนักแสดงญี่ปุ่นครั้งแรกรู้สึกยังไงบ้างคะ?
แทคยอน | รุ่นพี่เป็นคนที่มีชื่อเสียงมาก และเป็นคนที่ทำกิจกรรมมานาน จริงๆแล้วตอนแรกก็ตื่นเต้นมากเลยครับ ยิ่งไปกว่านั้น ปกติผมจะมีประชุมซ้อมกันก่อน แล้วเจอกันที่สถานที่ถ่ายทำ แต่ครั้งนี้ไม่ได้เข้าร่วมประชุมซ้อมครับ เพราะฉะนั้นก็เลยได้มาทักทายกันที่สถานที่ถ่ายทำเป็นครั้งแรก นักแสดงคนอื่นๆก็บอกว่า "คนตัวสูงมาด้วย!” "หุ่นดีมากเลย" แล้วก็ต้อนรับผมอย่างมีความสุขครับ แต่รุ่นพี่คิมูระ ทาคุยะ บอกว่า "ยินดีที่ได้รู้จักนะ" แล้วก็เริ่มถ่ายทำทันทีเลยครับ ก็เลยกังวลนิดหน่อยครับ (หัวเราะ)
แต่ตอนที่แสดงในสถานที่จริง รุ่นพี่ก็แชร์ความคิดเห็นกับบทภาพยนตร์ของผมครับ รุ่นพี่ให้คำแนะนำว่า 'ทำแบบนี้แล้วน่าจะเข้ากับเธอมากกว่านะ' 'ลองพูดสักครั้ง แล้วถ้าเป็นธรรมชาติก็ลองพูดบทตามที่ผมแนะนำ' แล้วก็ผมคิดว่า 'อ่า อันนี้คือสึนเดเระหรอ?' ฮาฮา ช่วงแรกๆ รุ่นพี่ไม่ค่อยรู้ว่าจะต้องปฏิบัติกับผมยังไง ก็เลยอึดอัดใจน่ะครับ หลังจากนั้นก็แกล้งเล่นเยอะมากเลยครับ
♦︎ พูดบทพูดของหนังเป็นภาษาญี่ปุ่นหรอคะ?
แทคยอน | มีบทพูดเกาหลีเยอะกว่าภาษาญี่ปุ่นอีกครับ พ้อยท์ของความสนุกคือการต่อต้านในภาษาเกาหลีครับ (หัวเราะ) ถ้าผมพูดภาษาเกาหลี รุ่นพี่คิมูระ ทาคุยะ จะตอบเป็นภาษาญี่ปุ่นครับ พวกเราไม่เข้าใจกัน ก็เลยคุยกันเป็นภาษาของแต่ละคน สนุกมากเลยครับ ในครึ่งหลังของภาพยนตร์มีบทพูดที่พูดภาษาญี่ปุ่นและฝรั่งเศสครับ
♦︎ คุณแทคยอนก็เป็นนักชิม ที่รู้จักกันดีนะคะ ระหว่างที่อยู่ญี่ปุ่น คุณแทคยอนชอบอาหารอะไรมากที่สุดคะ
แทคยอน | ตอนนี้เหมือนจะมีในเกาหลีแล้ว คราวนี้ผมได้รู้จักอาบูระ โซบะเป็นครั้งแรกครับ พอบอกว่าชอบรามยอน มีทีมงานถามว่าเคยกินแบบไม่มีน้ำซุปมั้ย แล้วก็แนะนำให้ลองกินอันนี้นะครับ เพราะว่าคนญี่ปุ่นเป็นคนที่กินอาหารเผ็ดไม่ค่อยเก่ง ไม่ได้คิดเลยว่าจะเผ็ดได้ขนาดนั้น ผมได้เจออาหารอร่อยๆใหม่แล้วครับ
♦︎ ได้ยินมาว่า <La Grande Maison Paris> มีแผนจะฉายครั้งแรกในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ค่ะ กำลังรอด้วยความรู้สึกแบบไหนอยู่คะ?
แทคยอน | ผมหรอครับ ผมลืมข้อมูลเกี่ยวกับหนังไปเลย พอผมได้ยินข่าวว่าจะฉายภาพยนตร์เรื่องนี้ ผมคิดว่าน่าจะจำช่วงเวลาที่ได้ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง <La Grande Maison Paris> ได้นะครับ ฮ่าๆ
♦︎ ตั้งแต่เริ่มแสดงครั้งแรก ในช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ได้โชว์ภาพลักษณ์ที่หลากหลายค่ะ ยิ่งแสดงละครมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกได้อย่างชัดเจนมากขึ้น ว่าบทบาทไหนเหมาะกับคุณ รู้สึกยังไงบ้างคะ?
แทคยอน | ยังไม่รู้แน่ชัดครับ... (หัวเราะ) ผมไม่ได้รู้สึกว่า "เป็นตัวละครที่เหมาะกับผมมาก ผมมั่นใจมาก" แต่ผมคิดอยู่เสมอว่า 'ถ้าครั้งหน้าได้มีโอกาสแสดงบทบาทนั้นอีกครั้ง ก็จะสามารถทำได้ดีกว่าเมื่อก่อนมาก' รู้สึกเสียดายทุกครั้งเลยครับ
♦︎ ประสบการณ์ของคุณในฐานะนักแสดงให้อะไรกับคุณแทคยอนคะ
แทคยอน | ผมเป็น T มาก ๆ ครับ ถ้าทดสอบ MBTI จะได้ 99% T ครับ เมื่อผมได้ยินว่า "ฉันเศร้ามากก็เลยซื้อขนมปังมา" ผมจะตอบว่า "ซื้อขนมปังอะไรบ้าง?" (หัวเราะ)
แต่ว่าพอเริ่มแสดงแล้ว เหมือนจะเปลี่ยนเป็นแนวอารมณ์อ่อนไหวนะครับ ตอนนี้ในสคริปท์ ถ้าดูอะไรที่มันสื่ออารมณ์ ก็จะพยายามเข้าใจและสื่อออกมาครับ ล่าสุดมีฉากแบบนี้ด้วยครับ เป็นฉากที่ร้องไห้คร่ำครวญเมื่อเห็นของที่คนรักที่เลิกกันทิ้งเอาไว้ ในชีวิตจริงผมไม่ได้แสดงความรู้สึกแบบนั้นครับ ผมไม่ได้อารมณ์ขึ้นๆลงๆครับ แต่ตอนนี้ผมเข้าใจความรู้สึกนั้นแล้ว เหมือนว่า AI ที่เรียนรู้อารมณ์ (หัวเราะ)
♦︎ แล้วความรู้สึกที่ได้เรียนรู้นั้น มีผลต่อชีวิตของอ๊กแทคยอนด้วยหรือเปล่าคะ?
แทคยอน | ไม่ใช่ครับ เวลาแสดงก็เป็นคนแสดงครับ
♦︎ สิ่งที่นักแสดงอ๊กแทคยอนต้องมีต่อไปและสิ่งที่ต้องเอาออกไปคืออะไรคะ
แทคยอน | หนึ่งในสิ่งที่คิดว่าเป็นดาบสองคมก็คือวิจารณญาณครับ เมื่อก่อนตอนที่ต้องวิเคราะห์สคริปท์ เคยคิดแต่แบบมีวิจารณญาณมากเกินไปจนวิเคราะห์ยากครับ
ยกตัวอย่างเช่น ในคริปท์มีสถานการณ์ที่เกือบจะระเบิด แต่บล็อกคลื่นวิทยุ เพื่อป้องกันไม่ให้ระเบิดครับ แต่นักแสดงท่านอื่นก็คุยโทรศัพท์กับบลูทูธอีก แต่ว่าถ้าคิดเรื่องนี้วิจารณญาณ ก็บล็อกคลื่นวิทยุไปแล้ว จะโทรได้ยังไงล่ะครับ? (หัวเราะ) ผมเจอข้อผิดพลาดในสคริปท์ หลังจากนั้นก็วิเคราะห์สคริปท์ได้ยากครับ ไม่มีสมาธิเลยครับ
♦︎ คุณจะรู้สึกอย่างไรหากเกิดเหตุการณ์คล้าย ๆ กันคะ?
แทคยอน | ยังมีด้านนั้นอยู่ครับ ในส่วนนั้น แม้ว่าจะไม่สามารถพูดได้ว่ามีวิจารณญาณจะดี แต่เมื่อคุณเผชิญกับสถานการณ์บางอย่าง ลองพยายามที่จะเติมเต็มมันด้วยสิ่งที่แตกต่างกันมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ คุณก็มีความตั้งใจที่จะทิ้งวิจารณญาณไว้เบื้องหลังและสร้างความอ่อนไหวมากขึ้น
♦︎ เทรนนิ่งเพื่อสร้างอารมณ์ด้วยหรอคะ?
แทคยอน | ผมไม่สามารถตั้งใจทำอะไรเศร้าๆ เพื่อเรียนรู้ความเศร้าได้ ผมเรียนรู้อารมณ์ทีละนิด เช่น การอ่านหนังสือ ดูหนัง และฟังเพลง ผมใช้ชีวิตแบบนั้นโดยคิดว่า ในสถานการณ์แบบนี้ผมจะทำตัวแบบนี้สินะ
♦︎ ช่วยบอกกิจกรรมหรือแผนงานที่กำหนดไว้ด้วยค่ะ
แทคยอน | นอกจากภาพยนตร์เรื่อง <La Grande Maison Paris> ที่จะออกฉายในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ผมก็ไม่มีแผนอะไรเป็นพิเศษครับ ผลงานที่กำลังถ่ายทำอยู่ตอนนี้ จะเสร็จภายในเดือนกันยายนครับ
♦︎ คำถามสุดท้ายนะคะ นักแสดงอ๊กแทคยอนอยากทำอะไรในชีวิตบ้างคะ
แทคยอน | เป้าหมายของผมคือการโชว์ภาพลักษณ์ใหม่ๆ ในระหว่างที่ทำกิจกรรมนักแสดงอย่างสม่ำเสมอครับ
เมื่อไม่นานมานี้ ได้ฟังเรื่องสนุกๆครับ เขาบอกว่าถ้าจะใช้ AI ในการสร้างภาพยนตร์หนึ่งเรื่องโดยไม่มีนักแสดง จำเป็นต้องมีใบหน้าของนักแสดงที่แสดงในผลงานประมาณ 100 เรื่องครับ ปัจจุบันมีนักแสดงไม่กี่คนที่แสดงผลงานกว่า 100 ผลงานที่สามารถสร้างผลงาน AI ได้ในสหรัฐอเมริกา
ผมคิดแบบนี้ครับ ผมจะต้องถ่ายเยอะ ๆ แล้วล่ะ เพื่อจะได้ใช้ AI แทนในหนัง ในอนาคตไม่ว่าจะเป็นละครหรือภาพยนตร์ ถึงแม้ผมจะสงสัยว่าผมจะสามารถ ทำผลงานได้มากกว่า 100 ชิ้นมั้ย แต่ผมก็คิดว่าอยากจะตั้งเป้าหมายนั้นขึ้นมาครับ (หัวเราะ)
Editor : Kang Mee Sun
Photographer : Kim Hee June
Interview : Jang Jeong Jin
Stylist : Lee Han Wook
Hair & Make up : Jang Hae In
Kitto : Mori Chihiro, Sunwoo Jungsoo, Kim Hyunjee, Kim Rudia (Aono Rudeya), Kang Min Young, Liou Jhe Wei
สนุกดี
3
เห็นด้วย
0
คาดหวัง
0
ได้รับความช่วยเหลือ
1