

♦️ วันนี้เริ่มถ่ายแบบกันตั้งแต่ 10 โมงเช้าเลย ปกติไม่ค่อยมีนักแสดงที่มีตารางถ่ายแฟชั่นเช้าขนาดนี้ ปกติเป็นคนที่ขยันขนาดนี้อยู่แล้วหรือเปล่า?
สำหรับดิฉัน 10 โมงเช้าก็ไม่ได้เช้ามากนะคะ ปกติดิฉันจะตื่นประมาณ 8 โมงครึ่งถึง 9 โมง
♦️แต่วันถ่ายแฟชั่นแบบนี้ ต้องคำนึงถึงหลายอย่าง เช่น อาการบวมของใบหน้าและสภาพร่างกายโดยรวมใช่ไหม?
ใช่ค่ะ (หัวเราะ) จริงๆ แล้วทางบริษัทเป็นคนกำหนดเวลาให้ ฉันก็แค่ตอบว่า "รับทราบค่ะ" แล้วมากองถ่าย ปกติฉันเป็นคนทำตามตารางที่กำหนดให้ ถ้ามีคนถามว่า "เวลานี้ถ่ายโอเคไหม?" ฉันก็จะตอบว่า "ได้ค่ะ" เพราะคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
♦️ ช่างภาพที่ถ่ายแฟชั่นวันนี้บอกว่าคุณโพสท่าเก่งมาก ทำให้การถ่ายทำเป็นไปอย่างราบรื่น
ดิฉันฝึกโยคะและออกกำลังกายหลายแบบเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นของร่างกายค่ะ โดยปกติฉันก็เป็นคนที่ชอบขยับร่างกายอยู่แล้ว วันนี้เลยได้ลองโพสท่าหลากหลายขึ้น ช่างภาพเองก็เป็นคนอารมณ์ดีมาก ทำให้บรรยากาศในกองถ่ายสนุกสนาน ถ่ายไปหัวเราะไป จนถ่ายเสร็จเร็วเลยค่ะ
♦️โดยเฉพาะช็อตที่ใส่เฮดแบนด์ ดูน่าสนใจมาก ตอนถ่ายฉากนั้นคิดอะไรอยู่?
คงเป็นสีหน้าลุ้นๆ ว่าเฮดแบนด์จะหลุดรึเปล่า (หัวเราะ) ตอนนั้นฉันน่าจะคิดว่า "ถ้าขยับมากไป มันจะหลุดไหม?" หรือ "ต้องขยับยังไงให้มันไม่หลุด?" ประมาณนั้นค่ะ

♦️ ปีใหม่นี้ความรู้สึกหลักๆ ของคุณเป็นอย่างไรบ้าง?
ดิฉันเริ่มต้นปีใหม่ด้วยการฉายภาพยนตร์ "Secret: Untold Melody" ยิ่งทำให้รู้สึกตื่นเต้นมากขึ้น ฉันตั้งตารอภาพยนตร์เรื่องนี้มาก พอเข้าฉายแล้วมีคนพูดถึงในแง่ดีเยอะ ก็รู้สึกมีความสุขมาก การที่ไม่ได้มีผลงานภาพยนตร์มานาน ทำให้ฉันตื่นเต้นกับการขึ้นเวทีทักทายแฟนๆ เป็นพิเศษ เพราะนักแสดงไม่ค่อยมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับแฟนๆ มากนัก การได้ไปงานเปิดตัวหนังเลยรู้สึกเหมือนได้รับพลังจากแฟนๆ และแชร์อารมณ์ร่วมกันค่ะ
♦️ ฉากที่คุณยิ้มเต็มจอใน Secret: Untold Melody ตอนเห็นฉากนั้นรู้สึกแบบ "ว้าว!" เลย รอยยิ้มของคุณเป็นรูปหัวใจด้วย
(ทำตาโต) ปากของดิฉันเป็นรูปหัวใจเหรอคะ?
♦️ ตอนช่วงแรกของเรื่องเลยค่ะ ตอนที่คุณยิ้มกว้างๆ
รอยยิ้มของฉันเปลี่ยนไปตามคาแรกเตอร์ค่ะ บางครั้งก็ยิ้มกว้างมากๆ บางครั้งก็ยิ้มแบบเขินๆ ขึ้นอยู่กับตัวละคร ในฉากที่พูดถึง ฉันต้องยิ้มให้คนดูรู้สึกประทับใจสุดๆ เลยต้องเพิ่มประกายให้ดวงตาดูสดใสขึ้น พร้อมกับยกมุมปากขึ้นนิดหน่อย (หัวเราะ)
♦️ เลยแอบหวังว่าวันนี้จะได้เห็นรอยยิ้มนั้นอีกครั้ง
แต่วันนี้ดิฉันถ่ายด้วยสีหน้าและอารมณ์ที่จริงจังมากกว่าค่ะ
♦️ ทุกปีตอนเริ่มปีใหม่ มีรูทีนอะไรที่ทำเป็นประจำไหม?
ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษค่ะ… อ้อ! ปีที่แล้วฉันลองตื่นสายดู เพราะปกติฉันเป็นคนตื่นเช้ามากจนรู้สึกว่าต้องใช้เวลาในวันนั้นให้คุ้มค่าที่สุด พอเป็นแบบนั้นทุกวันก็เริ่มเครียดไปเอง ช่วงนี้เลยลองปรับมาเป็นตื่นเช้าและเข้านอนเร็วแทน พยายามใช้เวลาทำกิจกรรมต่างๆ ตอนที่พระอาทิตย์ขึ้น และพักผ่อนตอนที่พระอาทิตย์ตก ซึ่งตอนนี้ฉันก็ได้ทดลองทำจริงๆ เพราะตารางงานโปรโมตภาพยนตร์บังคับให้ต้องตื่นเช้าอยู่แล้ว และรู้สึกว่าแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เลยคิดว่าจะลองตื่นเช้าอ่านหนังสือ ฟังเพลง และปรับรูทีนใหม่จากปีก่อนค่ะ
♦️ อะไรเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้คิดว่าควรเปลี่ยนรูทีน?
อยู่ดีๆ ดิฉันก็รู้สึกว่าตัวเองไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโลกใบนี้เลย พออายุมากขึ้น ก็เริ่มคิดว่าควรรู้เรื่องรอบตัวให้มากกว่านี้ แล้วก็เริ่มสงสัยว่า “ฉันเข้าใจโลกจริงๆ ใช่ไหม?” เลยตัดสินใจ เริ่มอ่านหนังสือพิมพ์ เพราะทุกวันนี้โลกเปลี่ยนเร็วมาก แค่ช่วงบ่ายก็มีข่าวใหม่มาแทนที่ข่าวตอนเช้าแล้ว ฉันเลยตั้งใจว่าจะอ่านข่าวทุกเช้า พอเริ่มทำไปเรื่อยๆ ก็กลายเป็นงานอดิเรก ทำให้ใช้เวลาบนมือถือลดลง จากที่เมื่อก่อนพอตกบ่ายแบตโทรศัพท์หมด ต้องพกแบตสำรอง แต่เดี๋ยวนี้แบตยังเหลือจนถึงเย็น ฉันค่อยๆ ปรับพฤติกรรมของตัวเองแบบนี้ค่ะ

♦️ เห็นในอินสตาแกรมเหมือนช่วงนี้เริ่มวิ่งด้วย?
ใช่ค่ะ ช่างภาพที่สนิทกันชวนมาวิ่งด้วยกัน ฉันเลยลองไปดู ตอนนี้ถ้ามีวันว่างในวันอาทิตย์ ก็จะออกไปวิ่ง ปกติฉันทำกิจกรรมคนเดียวมาตลอด แต่พอมีงานอดิเรกร่วมกับกลุ่มคนอื่นๆ มันให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไป
♦️ ปกติเป็นคนชอบออกกำลังกายอยู่แล้วใช่ไหม?
ใช่ค่ะ ฉันชอบปีนเขาและออกกำลังกาย โดยเฉพาะพวกที่ใช้ช่วงล่างเยอะๆ พอเริ่มวิ่งเลยปรับตัวได้เร็วขึ้น
♦️ จากที่เคยออกกำลังกายคนเดียว รู้สึกต่างกันไหมเวลาที่ได้ออกกำลังกายเป็นกลุ่ม?
เวลาทำอะไรคนเดียว ฉันมักจะตั้งเป้าว่าต้องมีพัฒนาการ ซึ่งบางครั้งก็เผลอกดดันตัวเองมากเกินไป แต่พอได้วิ่งกับคนอื่น ฉันไม่ได้กดดันตัวเอง แต่กลับคอยให้กำลังใจคนรอบข้างแทน แล้วพอฉันเหนื่อย คนอื่นก็ช่วยแบ่งเบาพลังงานให้ มันส่งผลดีต่อสภาพจิตใจมากๆ ปีก่อนฉันใช้เวลากับตัวเองเยอะมาก แต่ปีนี้ฉันอยากใช้เวลากับคนรอบข้างให้มากขึ้น
♦️ ทุกปีตั้งเป้าหมายอะไรให้ตัวเองไหม?
ไม่เลยค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งเป้าหมายอะไรเป็นพิเศษ แต่ถ้าช่วงไหนรู้สึกสนใจอะไรขึ้นมา ก็จะพยายามทำให้เป็นนิสัย อย่างงานอดิเรกที่ทำอยู่ตอนนี้ก็ไม่ได้เริ่มเพราะเป็นปีใหม่ แต่เพราะฉันสนใจมันตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ฉันเริ่มวิ่งตั้งแต่เดือนตุลาคม และอ่านหนังสือเป็นกิจวัตรมาจะครบ 2 ปีแล้ว สำหรับฉัน สิ่งสำคัญคือทำให้ต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่ตั้งเป้าตอนปีใหม่แล้วปล่อยผ่าน เพราะแบบนั้นมันมักจะจบลงแค่ช่วงแรกๆ
♦️ภาพยนตร์ Secret: Untold Melody ถ่ายทำเมื่อ 3 ปีที่แล้ว รู้สึกยังไงบ้างที่ได้กลับมาเห็นตัวเองบนจออีกครั้ง?
ตอนถ่ายทำฉันก็กังวลเหมือนกันว่า "ฉันดูเด็กพอไหม?" ฉันมักจะรู้สึกว่าตัวเองแก่กว่าที่เป็นจริง พอได้กลับมาดูหนังเรื่องนี้ก็คิดว่า "ตอนนั้นก็ดูเด็กกว่าตอนนี้เยอะเลย" แต่เมื่อไม่นานมานี้ฉันได้ดู Substance แล้วก็คิดว่า "จริงๆ ตอนนี้ก็คือช่วงเวลาที่ฉันเด็กที่สุดแล้ว" ฉันเลยอยากใช้ชีวิตให้สนุก และรักตัวเองให้มากขึ้น พอได้กลับมาพบกับผู้กำกับและนักแสดงที่ร่วมงานกัน ก็รู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปช่วงถ่ายทำเลยค่ะ

♦️ ฉากเดินเล่นตอนต้นเรื่องที่เดินกับโดคยองซู วิวใบไม้เปลี่ยนสีสวยมาก
ใช่ค่ะ สวยมากเลย เราถ่ายทำที่เมืองดัมยาง ซึ่งอยู่ในจังหวัดชอลลาใต้ ตอนนั้นใบไม้เปลี่ยนสีสวยมาก อากาศก็กำลังดี ไม่หนาวเท่าโซล
♦️ แล้วการได้สัมผัสชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยผ่านหนังเรื่องนี้เป็นยังไงบ้าง?
ฉันไม่ได้ใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยนานนัก และไม่เคยมีแฟนในมหาวิทยาลัยเลย แต่พอได้ถ่ายหนังเรื่องนี้ ทำให้ฉันรู้ว่า "เดทที่เรียบง่ายก็มีความหมายได้นะ" เมื่อก่อนฉันคิดว่า "เวลาคนเป็นแฟนกัน เขาทำอะไรกันบ้างนอกจากไปกินข้าวกับดูหนัง?" แต่พอได้แสดงเรื่องนี้ ฉันได้เรียนรู้ว่า การเดินเล่น ขี่จักรยาน หรือฟังเพลงด้วยกัน ก็เป็นโมเมนต์ที่มีความสุขมากๆ แล้ว
♦️ ภาพยนตร์ Secret: Untold Melody เป็นหนังที่ใช้ "ไทม์สลิป" เป็นธีมหลัก ถ้าคุณสามารถเดินทางข้ามเวลาได้ อยากไปช่วงเวลาไหน และอยากทำอะไร?
ฉันคิดว่ามันคงดีถ้าได้แค่ไปดูเหตุการณ์ในอดีตเฉยๆ แต่คงไม่อยากทำอะไรเลยค่ะ เพราะถ้าฉันย้อนเวลากลับไปแล้วเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง ฉันในปัจจุบันอาจจะไม่ใช่ฉันในตอนนี้ ฉันเลยแค่อยากดูจากระยะไกลว่าสมัยนั้นฉันเป็นยังไง สีหน้าเป็นแบบไหน แค่สังเกตเฉยๆ น่าจะเพียงพอแล้วค่ะ
♦️ ถ้าอย่างนั้น อยากย้อนกลับไปช่วงเวลาไหน?
วัยเด็กค่ะ ตอนที่ยังไม่ต้องคิดเรื่องอนาคตและไม่มีความกังวลอะไรมากมาย ฉันคิดว่าถ้าได้กลับไปเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยอารมณ์บริสุทธิ์ ทั้งหัวเราะและร้องไห้กับเรื่องเล็กๆ คงทำให้รู้สึกเยียวยาจิตใจได้ดีค่ะ
♦️ ไม่อยากรู้อนาคตของตัวเองบ้างเหรอ?
สามารถไปอนาคตได้ด้วยเหรอคะ? แต่ฉันไม่อยากไปค่ะ ถ้าฉันรู้อนาคตล่วงหน้า ชีวิตคงหมดสนุก แล้วถ้าผลลัพธ์มันถูกกำหนดไว้แล้ว ฉันอาจจะใช้ชีวิตโดยพยายามทำทุกอย่างให้ตรงกับผลลัพธ์นั้นแทน ฉันเลยไม่อยากเห็นอนาคตเลยค่ะ
♦️ คำตอบของคุณดูธรรมดา แต่ฟังแล้วรู้สึกถึงความมั่นใจและความหนักแน่นในความคิด
รู้สึกว่าฉันยิ่งดื้อขึ้นเรื่อยๆ นะคะ (หัวเราะ)

♦️ มีเรื่องราวอะไรที่น่าจดจำจากการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้บ้างไหม?
เมื่อไม่นานมานี้ฉันไปเจอฟิล์มกล้องที่เคยลืมไปแล้วค่ะ ช่วงที่ถ่ายหนังเรื่องนี้ ฉันกำลังอินกับการถ่ายภาพด้วยกล้องฟิล์ม พอถ่ายเสร็จก็เอาไปล้างที่ร้าน ซึ่งเดี๋ยวนี้ร้านมักจะส่งไฟล์ภาพกลับมาให้ทางอีเมล ฉันเลยได้เห็นภาพบรรยากาศช่วงถ่ายทำ พอแชร์ให้ทีมงานดูกัน ทุกคนก็ดีใจกันใหญ่ พอได้เห็นภาพเหล่านั้นแล้ว รู้สึกเหมือนพวกเราไม่ได้เป็นนักแสดงที่มาแสดงหนัง แต่เป็นคนที่อาศัยอยู่ในยุคนั้นจริงๆ พอคิดแบบนั้นก็รู้สึกเสียดายขึ้นมาว่า "น่าจะถ่ายให้เยอะกว่านี้" ปีที่แล้วฉันไม่ได้ถ่ายรูปเยอะเท่าไหร่ เลยคิดว่าต่อไปอยากบันทึกช่วงเวลาต่างๆ ผ่านภาพถ่ายให้มากขึ้นค่ะ อ้อ ตอนที่ถ่ายหนัง ฉันหมกมุ่นกับการฝึกเปียโนมาก เวลาเดินผ่านเปียโนที่ไหนก็จะเข้าไปกดคีย์ดูตลอด ไปคาเฟ่ไหนที่มีเปียโน ถ้าไม่มีคนอยู่ใกล้ๆ ฉันก็จะพุ่งไปนั่งเล่นเหมือนคนบ้าเลยค่ะ
♦️ เห็นมีข่าวว่าถึงกับซื้อเปียโนมาไว้ที่บ้านเพื่อฝึกซ้อมเลย จริงไหม?
พอถ่ายฉากเล่นเปียโนเสร็จก็รีบเอาออกเลยค่ะ (หัวเราะ) เพราะฉันต้องเล่นเพลงให้ได้ภายในเวลาจำกัด มันเลยรู้สึกเหมือนเป็นการบ้าน จริงๆ ฉันเล่นเปียโนไม่เป็นเลย อ่านโน้ตก็ไม่ออก ตอนซ้อมเลยต้องจำจากเสียงอย่างเดียว ถึงแม้ว่าสุดท้ายจะเล่นได้จนจบเพลง ก็นับเป็นความสำเร็จที่น่าภูมิใจ แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่หนักหนาสำหรับฉันเหมือนกันค่ะ
♦️ ตอนงานแถลงข่าวหนัง ดูเหมือนว่าคุณจะเข้ากันได้ดีกับโดคยองซูและชินเยอึน นักแสดงที่ร่วมงานกัน มีอะไรที่คุณอยากเรียนรู้จากพวกเขาไหม?
คยองซูเป็นคนที่มีมารยาทดีมาก แทนที่จะพูดว่าเป็นคนมีน้ำใจ เขาแสดงออกทางการกระทำมากกว่า เขาใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ โดยที่ไม่ต้องพูดอะไรเลย เช่น ถ้าเห็นว่าใครน่าจะต้องใช้กระดาษทิชชู่ เขาจะหยิบออกมายื่นให้แบบเนียนๆ โดยไม่ต้องมีใครบอก ฉันคิดว่านี่เป็นสิ่งที่ฉันอยากเรียนรู้จากเขาค่ะ ส่วน เยอึนเป็นคนที่ตรงไปตรงมามาก บางครั้งความตรงเกินไปอาจทำให้คนอื่นอึดอัด แต่เธอมีความจริงใจที่ทำให้คนรอบข้างรู้สึกสบายใจ ฉันเป็นคนที่มักจะคิดเยอะ และคอยสังเกตคนรอบข้างตลอดเวลา เลยรู้สึกว่าอยากเรียนรู้ความจริงใจและเสน่ห์แบบเธอบ้างค่ะ
♦️ ถ้ามีโอกาสได้ร่วมงานกันอีก อยากแสดงในบทบาทไหน?
ฉันเคยคิดว่า ถ้าพวกเราเล่นเป็นพี่น้องกันคงสนุกดี
♦️ แล้วใครควรรับบทเป็นพี่ใหญ่?
ก็คงต้องเป็นคยองซูค่ะ (หัวเราะ)
♦️ ทำไมถึงคิดว่าเขาควรเป็นพี่คนโต?
เขาดูเป็นผู้ใหญ่ ดูสุขุมและนิ่งที่สุดค่ะ ถ้าดูจากหน้าตา อาจจะให้เยอึนเป็นน้องเล็ก แต่ฉันก็คิดว่าการให้ฉันกับเยอึนเป็นฝาแฝดก็น่าสนใจดี เป็นพี่น้องที่ชอบแกล้งพี่ชายตลอดเวลา คงจะตลกดีค่ะ จริงๆ ในชีวิตจริง พวกเราก็ชอบแกล้งคยองซูอยู่แล้ว ฉันกับเยอึนผลัดกันแหย่เขาตลอดเลยค่ะ

♦️ ภาพยนตร์เรื่องนี้ให้อะไรกับคุณบ้าง?
ถ้าถามว่าทำไมฉันถึงชอบดูหนัง ฉันคิดว่าตัวเองเป็นคนที่เติบโตมากับภาพยนตร์แนวเมโลดราม่า แต่เดี๋ยวนี้หนังแนวนี้กลับไม่ค่อยมีให้เห็นแล้ว Secret: Untold Melody เป็น เมโลดราม่าแบบดั้งเดิมที่พูดถึงเรื่องราวของความรักล้วนๆ ซึ่งการที่ฉันได้ฝากผลงานเมโลดราม่าเรื่องหนึ่งไว้ในโปรไฟล์การแสดงของตัวเอง ถือเป็นสิ่งที่มีความหมายมาก ฉันชอบหนังเรื่อง Notting Hill มาก ดูปีละสองถึงสามครั้ง ทุกครั้งที่ดู ความรู้สึกของความรักก็เอ่อล้นขึ้นมา
♦️ พอพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของคุณเปลี่ยนไปเลย แววตาดูกระตือรือร้นขึ้นมาทันที
เวลาดูหนังเรื่องนั้น ฉันไม่ได้รู้สึกว่าอยากมีความรัก แต่อยากสัมผัสถึงอารมณ์ของความรัก ซึ่งฉันคิดว่านี่คือพลังของเมโลดราม่าถ้า Secret: Untold Melody ทำให้ใครบางคนรู้สึกแบบนั้นได้ ก็คงจะดีมากเลยค่ะ เคยมีแฟนๆ เขียนจดหมายหรือโน้ตมาหาฉัน บอกว่า "ฉันจะสารภาพรักหลังจากดูหนังเรื่องนี้!" หรือ "ฉันรวบรวมความกล้าบอกรักคนที่ชอบเพราะหนังเรื่องนี้" อ่านแล้วรู้สึกว่าน่ารักและน่าเอ็นดูมากๆ ค่ะ
♦️ ปีนี้เป็นปีที่คุณครบรอบ 10 ปีในฐานะนักแสดง
ฉันไม่เคยนับเลยค่ะ เพิ่งรู้ก็วันนี้นี่แหละ ไม่รู้สึกเลยว่าเล่นหนังมา 10 ปีแล้ว เวลาผ่านไปเร็วมากอาชีพนักแสดงไม่มีอายุเกษียณ ถ้าทำงานออฟฟิศก็มีระบบตำแหน่งและการเลื่อนขั้นที่ชัดเจน แต่นักแสดงไม่มีอะไรแบบนั้นค่ะ ตราบใดที่ยังท่องบทได้และสุขภาพแข็งแรง ก็คงแสดงได้ถึงอายุ 100 ปี
รุ่นพี่หลายคนก็แสดงมาหลายสิบปี ฉันเองเพิ่งจะพ้นช่วง "เด็กใหม่" และเริ่มเข้าใจการทำงานในกองถ่ายขึ้นมาบ้าง แต่ทุกครั้งที่ไปกองถ่าย ก็ยังรู้สึกเหมือนเป็นมือใหม่อยู่ดี อ่านบทแล้วยังมีสิ่งที่ต้องเรียนรู้อีกมาก ทุกกองถ่ายมีบรรยากาศที่แตกต่างกัน ทำให้ทุกครั้งรู้สึกเหมือนเป็นการแสดงครั้งแรก ดังนั้น สำหรับฉัน ครบรอบ 10 ปี ไม่ได้รู้สึกเป็นเรื่องใหญ่อะไรเลยค่ะ แค่รู้สึกว่าตอนนี้เริ่มมีความมั่นใจขึ้นมานิดหน่อย
♦️ พอเปรียบเทียบช่วงก่อนเป็นนักแสดงกับตอนนี้ รู้สึกว่าคำว่า "นักแสดง" มีความหมายหนักแน่นขึ้นไหม?
แน่นอนค่ะ รู้สึกว่ามันหนักขึ้นเรื่อยๆ ตอนแรกฉันคิดว่าเป็นอาชีพที่สนุกและดูเท่ แต่พอทำจริงก็รู้ว่ามันไม่ใช่แบบนั้นเลย ครั้งแรกที่ได้เงินค่าตัวจากการแสดง ฉันรู้สึกกลัวมาก ฉันถามตัวเองว่า "ฉันสมควรได้รับเงินนี้จริงๆ เหรอ?" ถึงแม้จะไม่ใช่เงินจำนวนมาก แต่ฉันก็อดคิดไม่ได้ว่า "เราสมควรได้รับค่าตอบแทนจากสิ่งที่เราชอบทำจริงๆ เหรอ?" ตอนเป็นนักแสดงใหม่ๆ ทุกครั้งที่ได้รับค่าตัว ฉันจะรู้สึกกลัว ขนาดออกไปข้างนอกก็ยังไม่ค่อยกล้าเลยค่ะ เพราะกลัวว่าจะเป็นอะไรขึ้นมาแล้วกระทบกับกองถ่าย ความรู้สึกแบบนี้ไม่ได้หายไปนะคะ แค่ฉันคุ้นชินกับมันมากขึ้น มันไม่เคยเบาลงเลย
♦️ แสดงว่าตอนนี้คุณสามารถรับมือกับมันได้แล้ว?
ตอนนั้นฉันรู้สึกว่า "นี่ฉันจะรับผิดชอบสิ่งนี้ได้ยังไง?" แต่ตอนนี้คิดว่า "ยังไงก็ต้องรับผิดชอบให้ได้ และต้องไม่ทำให้พลาด"

♦️ ตั้งแต่เดบิวต์จนถึงตอนนี้ มีอะไรที่คุณทำมาตลอดไหม?
ฉันออกกำลังกายเป็นประจำค่ะ เล่นฟิตเนสมาประมาณ 10 ปีแล้ว ไม่ได้เข้ายิมหนักมาก แต่พยายามทำให้เป็นกิจวัตร ฉันคิดว่า "คนทำงานออฟฟิศไปที่ทำงานทุกวัน แล้วฉันล่ะ? ฉันควรมีสถานที่ที่ไปเป็นประจำเหมือนกันไหม?" เลยทำให้ฉันเริ่มออกกำลังกายเป็นนิสัย
♦️ ไปยิมเป็นประจำเหมือนไปทำงานเลยใช่ไหม?
ไม่ขนาดนั้นค่ะ ฉันไปตามเวลาที่สะดวก แต่พยายามให้ได้อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง บางวันแค่เดินช้าๆ บนลู่วิ่ง พร้อมดูยูทูปก็ยังดีค่ะ
♦️ เคยบอกว่าอยากเป็นนักแสดงที่ "ไม่กลัวอะไร" มีอะไรที่อยากลองท้าทายในอนาคตไหม?
ฉันพยายามมองหาคาแรกเตอร์ที่แตกต่างจากงานที่เคยทำมา เพราะยังมีบทบาทที่ฉันไม่เคยลองเล่นอีกมาก อยากลองอะไรที่ยังไม่เคยทำ รวมถึงบทที่ไม่ใช่คนดี
♦️ ในซีรีส์ eye Shopping ที่จะฉายเร็วๆ นี้ คุณได้เล่นฉากแอ็กชันด้วยใช่ไหม?
ใช่ค่ะ แต่ตัวละครก็ยังเป็น คนดี อยู่ดี (หัวเราะ) เป็นคนที่รักความยุติธรรมค่ะ
♦️ พูดถึง "อาชญากรรมจิตวิทยา" แล้วสายตาคุณเปลี่ยนไปเลยนะ เหมือนตอนถ่ายแฟชั่นวันนี้เลย
จริงๆ ตอนถ่ายภาพ ช่างภาพก็บอก "อย่าเกร็งตาสิ" (หัวเราะ) ฉันอยากลองเล่นบทร้ายที่ ดูเป็นคนดี แต่จริงๆ เป็นคนร้าย เพราะคนที่ดูเป็นตัวร้ายตั้งแต่แรกไม่น่ากลัวเท่าคนที่เราไว้ใจ แต่กลับกลายเป็นวายร้ายค่ะ
♦️ ขอให้บทที่คุณอยากเล่นเป็นจริงเหมือนที่คุณเคยพูดว่าอยากเล่นแอ็กชัน แล้วสุดท้ายก็ได้เล่น!
ฉันเองก็เชื่อในพลังของคำพูดนะคะ ถ้าพูดบ่อยๆ เดี๋ยวก็เป็นจริง งั้นฉันขอประกาศตรงนี้เลยว่า "ฉันต้องเล่นบทตัวร้ายให้ได้!"

♦️ มีแผนจะไปเที่ยวต่างประเทศเร็วๆ นี้ไหม?
ตอนแรกคิดว่าจะไป ซัปโปโร เพราะเป็นที่แรกที่ฉันเคยไปเที่ยวคนเดียว แต่ตอนนี้ก็อยากไปไต้หวันด้วย เพราะได้ยินว่ามีของกินอร่อยๆ เยอะมาก
♦️ อยากไปกับใครเป็นพิเศษไหม?
ฉันชอบเที่ยวคนเดียวค่ะ
♦️ ทำไมถึงชอบเที่ยวคนเดียว?
ฉันเป็น ENTJ และเป็นคนที่แคร์คนรอบข้างเยอะมาก เวลามีใครไปด้วย ฉันจะคอยกังวลว่าเขาสนุกไหม เหนื่อยหรือเปล่า ฉันเป็นคนที่เดินเยอะมาก วันละเป็นหมื่นก้าว ถ้าไปกับใครคงรู้สึกเกรงใจ เลยเลือกเที่ยวคนเดียวมากกว่าค่ะ
♦️ มีของที่ต้องพกติดตัวเวลาไปเที่ยวไหม?
มือถือ กล้อง และหัวฝักบัว (หัวเราะ) ฉันเป็นแฟนตัวยงของกล้อง Fuji ไม่ใช่ฟิล์ม แต่ชอบโทนสีของ Fuji มากค่ะ
♦️ แล้ววันนี้มีแผนอะไรบ้าง?
กลับบ้านไปรีดผ้า ค่ะ (หัวเราะ) เพราะมีเสื้อผ้ากองพะเนินจากการไปโปรโมตหนัง 5 วัน แล้วก็จะอ่านจดหมายจากแฟนๆ ด้วย
♦️ แผนเดือนนี้ล่ะ?
กลับไปเยี่ยมครอบครัว เพราะตรุษจีนไม่ได้กลับบ้าน และต้องรีบอ่านหนังสือให้จบภายในเดือนนี้ค่ะ ตอนนี้เวลาแทบไม่พอแล้ว รู้สึกกดดันมาก!
♦️ คุณเป็นคนที่อ่านหนังสือทีละเล่มจบ หรืออ่านหลายเล่มพร้อมกัน?
ฉันอ่านหลายเล่มพร้อมกันค่ะ พออ่านไปเรื่อยๆ ก็จะค่อยๆ อ่านจบไปเอง ตอนนี้ก็เริ่มอ่าน 6 เล่มพร้อมกันอยู่ ถ้าอ่านไปแล้วรู้สึกน่าเบื่อก็จะวางแล้วเปลี่ยนไปอ่านเล่มอื่น เป้าหมายเดือนกุมภาพันธ์นี้คือต้องอ่านให้จบสักเล่มค่ะ
♦️ ช่วงเวลาไหนที่คุณรู้สึกว่า "นี่แหละคือตัวฉัน"?
ตอนที่ยุ่งจนไม่มีเวลาหยุดพักค่ะ ฉันเป็นคนที่ไม่สามารถอยู่เฉยๆ ได้เลย ต้องเดินไปมาและทำอะไรตลอดเวลา ตอนนี้กำลังเดินสายโปรโมตภาพยนตร์ ต้องขึ้นรถบัสไปตามสถานที่ต่างๆ แต่ฉันก็ยังจัดของไปด้วยในรถ คนรอบข้างถึงกับบอกทุกวันว่า "พอได้แล้ว!" "หยุดจัดของสักที!"

♦️ ในภาพยนตร์เรื่องนี้ มีฉากไหนที่คุณพอใจกับการแสดงของตัวเองมากที่สุด?
ไม่มีเลยค่ะ ฉันไม่เคยคิดว่า "แสดงดีมาก" เลยสักครั้ง แต่คิดว่า "นี่คือภาพอีกช่วงเวลาหนึ่งของฉัน" ทุกปีที่มีผลงานเพิ่มขึ้น ฉันก็จะได้เห็นตัวเองในช่วงวัยต่างๆ ผ่านหน้าจอ
สำหรับฉัน "การเป็นนักแสดงคือการเก็บบันทึกชีวิตของตัวเอง" ใน Hellbound และ Steel Rain หรือแม้แต่ i Shopping ฉันก็อยู่ในลุคที่เต็มไปด้วยเลือดและเหงื่อ จนแทบไม่ได้แต่งหน้าเลย แต่ฉันกลับรู้สึกสนุกที่ได้เห็นตัวเองในหลายๆ รูปแบบ
ฉันสนุกกับการเห็นหน้าตาของตัวเองในแต่ละช่วง มากกว่าการประเมินฝีมือการแสดงของตัวเอง บางครั้งคิดว่า "ฉากนี้ดูเท่มากแน่ๆ" แต่พอดูจริงๆ อาจจะไม่เท่าขนาดนั้น หรือบางฉากที่คิดว่า "ไม่สวยเลย" แต่กลับดูน่ารักกว่าที่คิด
♦️ หลังจากจบการถ่ายทำ ใช้เวลานานไหมกว่าจะหลุดออกจากตัวละคร?
ฉันแยกโหมดได้เร็วมากค่ะ พอผู้กำกับพูดว่า "คัท!" ฉันก็กลับมาเป็นตัวเองเลย ฉันเป็นคนที่เปิด-ปิดอารมณ์เร็ว ซึ่งช่วยให้เข้าถึงอารมณ์ได้ดีขึ้นเวลาถ่ายทำฉากดราม่า
♦️ ถ้าจะให้รางวัลตัวเองที่ทำงานหนักมาตลอด 10 ปี อยากให้รางวัลอะไร?
เริ่มงานอดิเรกใหม่ค่ะ
♦️ แปลว่าจะเริ่มขยับร่างกายอีกแล้วใช่ไหม?
ใช่ค่ะ! มีหลายอย่างที่อยากลองทำ อาจจะเป็นศิลปะป้องกันตัวอย่างมวยไทยหรือฮับกิโด หรือไม่ก็ เต้นแนวคอนเทมโพรารี อยากเรียนภาษาเพิ่มด้วยค่ะ มีหลายอย่างที่อยากทำไปหมดเลย
♦️ อะไรที่ทำให้คุณรู้สึกเหนื่อย?
ถ้าถูกบังคับให้อยู่นิ่งๆ คงหมดแรงแน่ๆ ตอนช่วงโควิด-19 นั่นเป็นช่วงที่ฉันเหนื่อยล้าที่สุดเลยค่ะ
♦️ แต่ถึงอยู่บ้านก็ยังทำอะไรอยู่ตลอดใช่ไหม?
ใช่ค่ะ ตอนนั้นก็ปั่นจักรยานอยู่บ้านทุกวันเลย (หัวเราะ)

♦️ แม้ในเกาหลีจะเป็นปีที่ 10 ของคุณในฐานะนักแสดง แต่สำหรับแฟนๆ ต่างชาติที่เพิ่งรู้จักคุณจากแฟชั่นเซ็ตนี้ คุณอยากให้พวกเขามองคุณแบบไหน?
ฉันอยากให้พวกเขารู้จักฉันแบบเดียวกับที่แฟนๆ ชาวเกาหลีรู้จักฉันในตอนแรกค่ะ ฉันมาถึงจุดนี้ได้ก็เพราะภาพลักษณ์แรกที่แฟนๆ มองเห็น
นักแสดงตัวเล็ก แต่เต็มไปด้วยพลัง ถ้าทุกคนมองฉันแบบนั้น ก็คงดีมากเลยค่ะ
♦️ ตอนนี้คุณกำลังเดินสายโปรโมต Secret: Untold Melody และเตรียมออนแอร์ i Shopping ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2025 นี้ วอนจินอาในตอนนี้อยู่ในสถานะไหน?
ตื่นเต้นสุดๆ ค่ะ! แต่จริงๆ ฉันก็เป็นแบบนี้ตลอดนะ ฉันเป็นคนที่ตื่นเต้นกับทุกอย่างเสมอ
♦️ ทีมงานที่ถ่ายทำวันนี้ก็บอกกันเป็นเสียงเดียวกันว่า "เป็นนักแสดงที่พลังงานล้นเหลือมาก"
ใช่ค่ะ บางทีฉันก็คิดว่าควรพกปืนยาสลบติดตัวไว้บ้าง (หัวเราะ)
♦️ ยิ่งได้รู้จักคุณมากขึ้น ยิ่งรู้สึกว่าคุณเป็นคนที่เกินความคาดหมาย
ตอนนี้ฉันก็สนุกกับการเล่นกับภาพลักษณ์ของตัวเองค่ะ "นึกว่าฉันเป็นคนนิ่งๆ ใช่ไหม? จริงๆ แล้วไม่ใช่นะ!" ฉันเองก็พยายามไม่ตัดสินคนอื่นจากภาพลักษณ์ภายนอก แต่สุดท้ายแล้วมนุษย์ก็หลีกเลี่ยงอคติไม่ได้ สิ่งที่มองเห็นไม่ใช่ทั้งหมดของฉัน นั่นคือสิ่งที่ฉันคิดตลอดเวลา การแสดงให้ทุกคนได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของฉันเป็นเรื่องสำคัญมากค่ะ
Editor : Kang Meesun
Photographer : Kim Oi Mil
Hair : Kang Da Hyun(HINAF)
Make up : Park Sun Mi(HINAF)
Kitto:Mori Chihiro, Kim Gaeun, Lee Eojin, Liou Jhe Wei, Hwang Jeongin
สนุกดี
0
เห็นด้วย
0
คาดหวัง
0
ได้รับความช่วยเหลือ
0