にほんご

中文

ภาษาไทย

Stella Jang กับการต่อสู่ครั้งใหม่ของตัวตนผ่านดนตรี

224
2025.04.28
Kitto Entertainment
Kitto Entertainmentพนักงานอาศัยอยู่ในเกาหลีใต้

สวัสดีค่ะ ช่วยแนะนำตัวแบบสั้นๆหน่อยค่ะ

 สวัสดีค่ะ ฉันคือ Stella Jang นักร้องนักแต่งเพลงค่ะ

 

✦ หลังจากห่างหายไปนาน 5 ปี ก็กำลังจะปล่อยอัลบั้มเต็มใหม่เร็วๆนี้ ช่วยเล่าให้ฟังถึงช่วงที่ผ่านมาและอัลบั้มใหม่นี้หน่อยค่ะ

ช่วงที่ผ่านมา... บอกเลยว่ายุ่งมากๆค่ะ รู้สึกเหมือนได้สัมผัสชีวิตมนุษย์เงินเดือนที่ต้องทำงานล่วงเวลาเลยล่ะ ไม่มีวันหยุดสุดสัปดาห์เลย และพอมีตารางงานทีหนึ่งก็ใช้เวลาทั้งวัน บางวันต้องออกจากบ้านตอนเช้าและกลับดึกมากหรือไม่ก็นอนค้างนอกบ้านเลย พอเป็นอัลบั้มเต็มที่ปล่อยออกมาในช่วงเวลานาน ฉันก็เลยตั้งใจทำมากๆ และที่สำคัญคือ นี่เป็นอัลบั้มแรกหลังจากที่ฉันตั้งบริษัทของตัวเอง ก็เลยทุ่มเทมากเป็นพิเศษค่ะ

 

อัลบั้มเต็มชุดแรก [STELLA I] กับที่กำลังจะออก [STELLA II] มีความแตกต่างกันอย่างไรบ้างคะ? หรือถือว่าเป็นภาคต่อกันไหมคะ?

จริงๆแล้วทั้งสองอัลบั้มไม่ได้เชื่อมโยงกันแบบตรงไปตรงมานะคะ ตอนแรกก็คิดจะใช้ชื่ออัลบั้มใหม่ไปเลย แต่พออัลบั้มแรกใช้ชื่อว่า [STELLA I] ไปแล้ว จะให้ชื่ออัลบั้มสองว่า “POWER” อะไรแบบนั้นก็รู้สึกแปลกๆ (หัวเราะ) ก็เลยตัดสินใจใช้ชื่อ [STELLA II] ค่ะ ดูต่อเนื่องและเป็นธรรมชาติที่สุด


วิธีการทำงานก็คล้ายๆกับอัลบั้มแรกนะคะ ไม่ได้มีเป้าหมายว่าต้องทำอัลบั้มในช่วงเวลาใดช่วงเวลาหนึ่ง แต่เป็นการคัดเลือกเพลงที่สะท้อนตัวตนของฉันในตอนนี้ จากเพลงที่แต่งสะสมไว้ และก็มีการเพิ่มเพลงใหม่ๆเข้าไปด้วยค่ะ ถ้าจะพูดถึงความแตกต่างก็คงเป็นเรื่อง “มุมมอง” ตอนทำอัลบั้มแรก ฉันยังมีความโรแมนติกกับโลกอยู่มาก แต่พอถึงอัลบั้มนี้ เหมือนกับว่าฉันได้เรียนรู้รสชาติขมๆของชีวิตมากขึ้น

 


ฉันรู้สึกว่า... เป้าหมายในชีวิตบางอย่าง เราอาจไม่สามารถไปถึงได้เสมอ และถ้ายึดติดมากไปก็จะกลายเป็นความทุกข์เอง ดังนั้น แทนที่จะเป็นอัลบั้มเต็มชุดแรก ซิงเกิลก่อนหน้านั้นอย่าง 'I CAN DO THIS EVERYDAY' นั้นเปรียบเป็นเหมือนส่วนขยายของอัลบั้มนี้มากกว่าค่ะ ในอัลบั้มนี้ฉันต้องการแสดงออกว่าอย่างตรงไปตรงมามากขึ้น ว่าฉันยังเป็นคนๆหนึ่งที่หลงรักเสียงเพลงและยังเต็มไปด้วยความรู้สึกเหล่านั้นอยู่ รวมถึงในจุดที่ว่าฉันค่อยๆยอมรับตัวทนที่แท้จริงของตนเอง กลับมาเชื่อในความโรแมนติกอีกครั้ง

 

✦ อย่างที่บอกว่าอัลบั้มใหม่นี้เป็นเล่าถึงตัวตนของตัวฉันในวันนี้ ถ้าอย่างนั้น สำหรับคุณอะไรคือคุณค่าที่สำคัญที่สุดในการใช้ชีวิตคะ?

สุขภาพและการนอนค่ะ! เพราะการนอนก็เกี่ยวกับสุขภาพเหมือนกัน และสุขภาพไม่ได้มีแค่ร่างกายแต่จิตใจก็สำคัญมาก ตอนยังเด็กเราอาจไม่รู้ตัว เพราะทุกคนยังแข็งแรงดี และศิลปินหลายคนก็ไม่ได้มีไลฟ์สไตล์ที่เฮลท์ตี้นัก สำหรับฉันเองก็ไม่ค่อยชอบออกกำลังกาย ทำงานดึก ตื่นสาย กินไม่เป็นเวลา ยังดีหน่อยที่ฉันไม่ดื่มแอลกอฮอล์เลย การใช้ชีวิตเป็นศิลปินก็สำคัญ แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือควรจะดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดีค่ะ

 

เห็นด้วยมากค่ะว่าสุขภาพสำคัญสุดๆ เพราะถ้าไม่สบายขึ้นมาก็ทำอะไรไม่ได้เลย ศิลปินเวลาทำงานบางทีก็ลืมดูแลตัวเองง่าย เลยใช่ไหมคะ อย่างเช่นทำงานดึก นอนไม่เป็นเวลา ยังไงก็ขอให้ดูแลสุขภาพดี ๆ นะคะ

ใช่เลยค่ะ ช่วงนี้ฉันรู้สึกถึงสขภาพร่างกายที่แย่ลงจริง ๆ พอสุขภาพไม่ดี ความคิดเชิงบวกก็หายไปด้วย สุดท้ายแล้ว สุขภาพคือสิ่งที่ทำให้เราทำอย่างอื่นได้ทั้งหมดเลย ตอนนี้ สุขภาพคือสิ่งสำคัญอันดับหนึ่งในชีวิตฉันเลยค่ะ

 

✦ ใช่ค่ะ ขอให้เราทุกคนสุขภาพดีนะคะ งั้นขอถามต่ออีกหนึ่งคำถาม เพลงของ Stella Jang มีพลังที่ทำให้วันธรรมดาๆดูพิเศษขึ้นมาได้เสมอเลยค่ะ มีเคล็ดลับอะไรในการมองวันธรรมดาให้พิเศษขึ้นบ้างไหมคะ?

การทำให้วันธรรมดาดูไม่ธรรมดา... จริงๆแล้วฉันไม่เคยตั้งใจให้เป็นแบบนั้นนะคะ แล้วฉันก็ไม่ได้คิดว่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะเพลงของฉันด้วย ฉันคิดว่ามันเป็นพลังของดนตรีต่างหากค่ะ เวลาฟังเพลง เราก็จะรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในมิวสิกวิดีโอแบบไม่รู้ตัว ฉันว่าเพลงของฉันก็แค่ทำหน้าที่แบบเดียวกันน่ะค่ะ

 

ใช่เลยค่ะ แม้จะเป็นวันธรรมดาเหมือนเดิม แค่ตอนที่เดินอยู่ในรถไฟฟ้าใต้ดินพร้อมกับฟังเพลง โลกก็ดูเปลี่ยนไปแล้ว เหมือนหลุดเข้าไปในฉากหนังเลยค่ะ (หัวเราะ) พูดถึงภาพลักษณ์ของอัลบั้มใหม่กันบ้างนะคะ [STELLA II] มีภาพลักษณ์ที่แตกต่างจาก [STELLA I] อย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นชุดเดรสดำ ผมดำ รองเท้าดำ อิมเมจนี้มีความหมายอะไรบ้างคะ?

ฉันไม่เคยตั้งใจจะเป็นคนที่มีภาพลักษณ์สดใสหรือมีสีสันเลยค่ะ ส่วนมากจะเปลี่ยนลุคตามคำแนะนำจากคนรอบตัว หรือเพื่อให้เข้ากับคอนเซ็ปต์ในช่วงนั้นๆ แต่ครั้งนี้ฉันอยากจะเผยให้เห็นถึงตัวตนที่จริงจังของฉันจริงๆ เพลงบางเพลงในอัลบั้มอาจจะฟังยากหน่อยเพราะมันค่อนข้างจริงจัง แต่ตอนนี้สิ่งที่ฉันให้คุณค่าที่สุดในชีวิต นอกจากสุขภาพแล้วก็คือความจริงใจและความจริงจังนี่แหละค่ะ

 

 

ใช่เลยค่ะ อัลบั้มนี้ให้ความรู้สึกจริงจังมากขึ้น เหมือนเราสัมผัสได้ถึงความคิด ความกังวลในชีวิตของคุณ ความพยายามที่จะผ่านมันไป ทำให้นึกว่าอาจมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับคุณบ้างรึเปล่านะ? ในวันนี้คุณจะร้องเพลงใหม่ให้เราฟังสองเพลง คือ WALKMAN กับ Colors ใช่ไหมคะ? ช่วยแนะนำเพลงให้เราหน่อยค่ะ

ได้เลยค่ะ เพลง Colors เหมือนจะได้รับความนิยมในแถบอาเซียนด้วย พอรู้ว่า Kitto เป็นแมกกาซีนที่มีผู้อ่านในเอเชีย เลยคิดว่าเพลงนี้น่าจะเหมาะค่ะ
ส่วน WALKMAN คือเพลงไตเติลของอัลบั้มนี้ค่ะ แต่เพราะชื่อดันตรงกับแบรนด์ เลยยังรอการอนุมัติจากสถานีออกอากาศอยู่ค่ะ (หัวเราะ)

 

 

เพลง WALKMAN พูดถึงการค้นหาและหวนคิดถึงอะไรที่เป็นอนาล็อก นี่เป็นเรื่องจากประสบการณ์ตรงของ Stella Jang เลยหรือเปล่าคะ?

ใช่เลยค่ะ ฉันรู้สึกเหมือนอยู่ในหนัง Midnight in Paris เพราะไม่เคยใช้ชีวิตในยุค 70-80s มาก่อน จะพูดว่าฉันหวนคิดถึงยุคสมัยที่ไม่เคยใช้ชีวิตอยู่เลยก็ว่าได้ค่ะ จริงๆแล้วก็แปลกอยู่นะ ทั้งๆที่ไม่เคยอยู่ในยุคนั้นแท้ๆ แต่กลับคิดถึง ฉันเองเป็นแบบนั้นค่ะ

ฉันพยายามผสมผสานการบันทึกเสียงแบบดิจิทัลและอนาล็อกในการทำเพลง เพราะบางอย่างถ้าใช้วิธีอนาล็อกจะฟังดูดีกว่า

ฉันคิดถึงยุคที่คนเห็นค่าในเสียงเพลงจริงๆ คิดถึงแผ่นเสียง เทป ซีดี คิดถึงสมัยที่เราต้องซื้ออัลบั้มที่ชอบมาเก็บไว้ สมัยนี้ผู้คนซื้ออัลบั้มกันเหมือนกับการเก็บสิ่งของหรือสะสมโฟโต้การ์ด และด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยี การฟังเพลงผ่านสตรีมมิ่งก็เป็นที่นิยมมากขึ้น ยิ่งเทคโนโลยีล้ำขึ้น อะไรแบบนี้(อนาล็อก)ก็ยิ่งมีคุณค่ามากยิ่งขึ้นค่ะ

คำว่า “จริงใจ” ที่ฉันพูดถึงก่อนหน้านี้ หมายถึงหลายๆอย่าง ไม่ใช่แค่ความรู้สึกที่จริงใจ แต่รวมถึงการไม่แต่งเสียง ฉันคิดว่าสิ่งนี้ก็เรียกได้ว่าเป็นความจริงใจอย่างหนึ่งค่ะ ไม่ปรับออโต้จูน เป็นเสียงร้องจริง ๆ แบบไม่มีการตกแต่ง เวลาฉัน arrange เพลงหรือปรับแต่งอะไรบางอย่าง บางทีก็คิดว่านี่ฉันกำลังทำให้มันง่ายเกินไปอยู่หรือเปล่า? เลยพยายามจะไม่ปรับแต่งอะไรให้มากที่สุดค่ะ จริงๆแล้วถึงจะไม่มีใครรู้ก็เถอะ แต่ฉันก็ยังคงอยากให้ได้ฟังเพลงในสภาพนี้ เพราะจริงๆฉันเองก็ไม่ค่อยได้ตามเทรนด์ ไม่รู้ว่าเค้ากำลังชอบแบบไหนกันอยู่น่ะค่ะ

 

แบบนี้คงไม่ค่อยดู Reels หรือ Shorts ใช่ไหมคะ?
ฉันเล่นมือถือตลอดก็จริง แต่ส่วนมากเล่นแค่เกมง่ายๆค่ะ อย่าง Instagram ก็เข้าดูอยู่ไม่กี่แอคเคานต์ที่ชอบ บางทีก็รู้สึกเหมือนฉันละเลยหน้าที่ตัวเองในฐานะศิลปิน เพราะว่ากันตามจริงเทรนด์ก็คือส่วนหนึ่งของงานนี้ใช่ไหมล่ะคะ

แต่ฉันก็ไม่ได้หมายความว่าฉันเป็นศิลปินที่เอาแต่ขังตัวเองในห้องหรือทรมานตัวเองเพื่อศิลปะ แค่รู้สึกว่าตัวเองอยู่ตรงกลางระหว่างโลกแห่งศิลปะและโลกแห่งความนิยม แล้วก็พยายามหาทางผ่านมันไปอยู่ค่ะ

 

ถึงคุณจะบอกว่าตัวเองอยู่ตรงกลาง แต่ในอัลบั้มนี้เรารู้สึกถึงความรักที่ Stella Jang มีต่อดนตรีอย่างแท้จริง มันมากกว่าแค่การเป็นงาน เพราะเรารู้สึกได้ถึงความเชื่อของคุณในสิ่งนี้เลยล่ะค่ะ

ก็เลยเกิดสงสัยขึ้นมาค่ะ ว่าสำหรับ Stella Jang แล้วดนตรีมีความหมายอย่างไร? ถ้าจะนิยามเพลงของตัวเอง คุณจะนิยามว่ายังไงคะ?
ฉันไม่ได้รักทุกขั้นตอนของการทำเพลงหรอกนะคะ บางอย่างก็ไม่ชอบเลย
แต่เพลงอย่าง I Love To Sing ในอัลบั้มนี้ เป็นเพลงที่ถ่ายทอดความรู้สึกว่าที่ฉันชอบร้องเพลง ชอบเขียนเนื้อเพลง ชอบสร้างเมโลดี้ การที่ฉันได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก และได้รับความรักจากทุกๆคนนั้นช่างเป็นอะไรที่ดีมากๆ ทำนองนี้ค่ะ

ฉันร้องเพลงทุกวันที่บ้านเลยค่ะ เป็นนักร้องที่ชอบไปร้องคาราโอเกะแบบหยอดเหรียญด้วยนะ ร้องเพลงคนอื่นก็ชอบ เพลงตัวเองก็ชอบ แค่รู้สึกว่า ฉันเป็นคนที่ชอบร้องเพลงจริงๆนะเนี่ย และอัลบั้มนี้ก็คือความจริงใจของฉันที่มีต่อเสียงเพลงค่ะ

 

ใช่เลยค่ะ ฟัง I Love To Sing แล้วเข้าใจทันทีว่า Stella Jang รู้สึกยังไงกับดนตรี เพลงดีมากจริงๆ แล้วมันถ่ายทอดความรู้สึกได้ดีมากว่าคุณรักเสียงเพลงขนาดไหน แฟนๆของคุณต้องชอบแน่เลย

ใช่ค่ะ เหมือนเป็นเพลงที่บอกว่า ถึงจะดูเหมือนฉันไม่ได้รักดนตรีเท่าไหร่...แต่จริงๆแล้ว ฉันรักมันมากเลยนะ (หัวเราะ)

 

คุณไปร่วมร้องเพลง ‘청춘 (Youth)’ ในอัลบั้มครบรอบ 20 ปีของวง Peppertones และก็เคยฟีเจอริ่งกับศิลปินหลายคน อย่าง Lee Jin Ah, John Park การฟีเจอริ่งต่างจากการร้องเพลงของตัวเองยังไงบ้างคะ?

ร้องเพลงของ Peppertones สนุกมากค่ะ เพราะเป็นเพลงที่ฉันชอบอยู่แล้ว พอได้เรียบเรียงใหม่ก็ยิ่งรู้สึกชอบมากขึ้นไปอีกราวกับเพลงของตัวเองเลยล่ะค่ะ เลยได้ร้องหลายครั้งในคอนเสิร์ตค่ะ นอกเหนือจากเพลง Youth แล้วมีเพลงอื่นที่ไปฟีเจอริ่งด้วยเหมือนกัน แต่บางเพลงร้องค่อนข้างยากเลยทีเดียว เพราะไม่ได้แต่งมาให้เข้ากับช่วงเสียงของฉัน ต้องใช้พลังเยอะเลยค่ะ

 

กับ Lee Jin Ah ตอนแรกแค่ให้ช่วยเขียนเนื้อเพลง สุดท้ายก็ได้ร้องด้วยกัน ส่วน John Park มาขอให้ฉันอัดเสียง narration ให้ เขาก็ส่งคอนเซ็ปต์มา แล้วฉันก็อัดจากบ้านเลยค่ะ จริงๆแล้วมีเสียงของเขาปรากฏอยู่ในหลายเพลงของฉันอยู่นะคะ เขาช่วยร้องคอรัสให้ด้วย และไม่เคยปฏิเสธเลย ฉันก็เลยอยากตอบแทนเขาให้ได้ ดีมากๆที่สุดท้ายก็ได้ร่วมงานกันค่ะ

 

 

ในอัลบั้มมีทั้งภาษาฝรั่งเศส อังกฤษ และเกาหลี คุณเลือกภาษาในแต่ละเพลงยังไงคะ?

จริงๆไม่ได้มีกำหนดตายตัวค่ะ ปกติแล้วจะใช้ภาษาที่เขียนเดโมครั้งแรกเป็นหลักค่ะ ถ้าเดโมเป็นภาษาอังกฤษ เพลงก็จะจบที่อังกฤษ แต่มีบางเพลงที่ตอนแรกแค่ฮัมๆหรือเขียนไว้คร่าวๆเป็นภาษาอังกฤษ แล้วมาเขียนเนื้อภาษาเกาหลีใหม่ทีหลังก็มีนะคะ แต่เอาแบบปกติ 99% คือเป็นไปตามภาษาที่เริ่มเขียนแต่แรกแล้วมาแก้ไขนิดหน่อยค่ะ

ในอัลบั้มนี้ตอนแรกมีแค่เพลงภาษาอังกฤษกับภาษาเกาหลีทั้งหมด 9 เพลงค่ะ แต่ฉันอยากให้เป็นเลขสองหลัก เลยเพิ่มเพลงฝรั่งเศสเข้าไป เพลงที่ 5 ชื่อ Un Beau Jour De Pluie เป็นเพลงที่เคยแต่งเมโลดี้ไว้นานแล้วแต่ยังไม่มีเนื้อ เลยตัดสินใจเขียนเป็นภาษาฝรั่งเศส เพราะไม่อยากให้มันฟังดูถูกต้องเกินไปแบบภาษาอังกฤษ อยากได้ความรู้สึกที่แปลกใหม่ค่ะ

ตอนฟังเหมือนตั้งใจจะเขียนเป็นภาษาฝรั่งเศสตั้งแต่แรกเลยค่ะ เพราะมันฟังดูเป็นธรรมชาติมาก

แต่ตอนอัดเสียงจริงมันยากมากเลยค่ะ เพราะแต่ละภาษามีการออกเสียงและการเปล่งเสียงที่ไม่เหมือนกัน รู้สึกเลยว่าภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ร้องเพลงได้ง่ายและลื่นไหลกว่าเยอะ แต่พอเป็นภาษาฝรั่งเศส มันมีจุดที่เสียงหลุดหรือควบคุมไม่ค่อยได้หลายจุดเลยค่ะ ตอนแรกก็คิดว่าจะเปลี่ยนเนื้อเพลงกลับเป็นภาษาอังกฤษดีไหม แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจใช้ภาษาฝรั่งเศสเหมือนเดิม หวังว่าทุกคนจะชอบกันนะคะ

 

มีประกาศว่าจะจัดคอนเสิร์ตในเดือนพฤษภาคมนี้ อยากให้เล่าให้ฟังหน่อยค่ะว่าคอนเสิร์ตครั้งนี้มีธีมอะไร และอยากแนะนำอะไรเกี่ยวกับคอนเสิร์ตบ้าง?

ตอนที่ปล่อยอัลบั้มก่อนหน้านี้ เป็นช่วงที่โควิดระบาดหนักเลยไม่ได้จัดคอนเสิร์ตค่ะ เพราะงั้นนี่จะเป็นคอนเสิร์ตฉลองการปล่อยอัลบั้มเต็มครั้งแรกของฉันจริงๆ ก่อนหน้านี้เคยจัดคอนเสิร์ต Winterstella มาแล้ว แต่นั่นเป็นอัลบั้ม EP และเป็นคอนเสิร์ตตามฤดูกาล เลยให้ความรู้สึกต่างกัน ครั้งนี้พอเป็นคอนเสิร์ตสำหรับอัลบั้มเต็มจริง ๆ ก็เลยคิดเยอะมาก ตอนนี้อยู่ในช่วงจัดเซ็ตลิสต์อยู่ค่ะ พยายามจะใส่เพลงใหม่ให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ

 

มีแพลนหรือสิ่งที่อยากทำให้ได้ในปี 2025 เป็นพิเศษไหมคะ?

อยากไปดำน้ำ (scuba diving) เยอะๆ เลยค่ะ ฉันเพิ่งสอบใบอนุญาตดำน้ำได้เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว แล้วก็ไปดำน้ำทัวร์ที่ฟิลิปปินส์ในเดือนพฤศจิกายน ถึงจะยังไม่มีประสบการณ์มากนัก แต่รู้สึกว่านี่แหละคืองานอดิเรกที่จะทำได้ตลอดไป ช่วงปลายปีอย่างพฤศจิกายน–ธันวาคม น้ำจะเริ่มเย็น ดำน้ำไม่ได้แล้ว แต่ตอนนั้นฉันตื่นเต้นจนซื้ออุปกรณ์ดำน้ำครบเลยค่ะ ปกติไม่ใช่คนที่ใช้เงินกับอะไรเยอะๆ แต่ครั้งนี้ลงทุนสุดตัว น่าเสียดายที่อากาศยังหนาวอยู่เลยยังไม่ได้ลองใช้อุปกรณ์ใหม่เลยซักครั้ง หวังว่าในปี 2025 จะได้ออกไปดำน้ำบ่อยๆค่ะ

 

คำถามสุดท้ายค่ะ อยากฝากอะไรถึงผู้อ่านนิตยสาร Kitto บ้างไหมคะ?

กลับมาทักทายทุกคนอีกครั้งพร้อมอัลบั้มเต็มในรอบหลายปีเลยค่ะ ถึงแฟนๆของ Kitto ทุกคน อัลบั้มนี้มีเพลงภาษาอังกฤษเยอะ หวังว่าจะฟังกันได้แบบสบายๆ และสนุกกับมันนะคะ ขอบคุณมากค่ะ

+1

สนุกดี

0

+1

เห็นด้วย

0

+1

คาดหวัง

0

+1

ได้รับความช่วยเหลือ

0

Share