
✦ สวัสดีค่ะ ช่วยแนะนำตัวแบบสั้นๆหน่อยค่ะ
สวัสดีค่ะ ฉันคือ Stella Jang นักร้องนักแต่งเพลงค่ะ
✦ หลังจากห่างหายไปนาน 5 ปี ก็กำลังจะปล่อยอัลบั้มเต็มใหม่เร็วๆนี้ ช่วยเล่าให้ฟังถึงช่วงที่ผ่านมาและอัลบั้มใหม่นี้หน่อยค่ะ
ช่วงที่ผ่านมา... บอกเลยว่ายุ่งมากๆค่ะ รู้สึกเหมือนได้สัมผัสชีวิตมนุษย์เงินเดือนที่ต้องทำงานล่วงเวลาเลยล่ะ ไม่มีวันหยุดสุดสัปดาห์เลย และพอมีตารางงานทีหนึ่งก็ใช้เวลาทั้งวัน บางวันต้องออกจากบ้านตอนเช้าและกลับดึกมากหรือไม่ก็นอนค้างนอกบ้านเลย พอเป็นอัลบั้มเต็มที่ปล่อยออกมาในช่วงเวลานาน ฉันก็เลยตั้งใจทำมากๆ และที่สำคัญคือ นี่เป็นอัลบั้มแรกหลังจากที่ฉันตั้งบริษัทของตัวเอง ก็เลยทุ่มเทมากเป็นพิเศษค่ะ
✦ อัลบั้มเต็มชุดแรก [STELLA I] กับที่กำลังจะออก [STELLA II] มีความแตกต่างกันอย่างไรบ้างคะ? หรือถือว่าเป็นภาคต่อกันไหมคะ?
จริงๆแล้วทั้งสองอัลบั้มไม่ได้เชื่อมโยงกันแบบตรงไปตรงมานะคะ ตอนแรกก็คิดจะใช้ชื่ออัลบั้มใหม่ไปเลย แต่พออัลบั้มแรกใช้ชื่อว่า [STELLA I] ไปแล้ว จะให้ชื่ออัลบั้มสองว่า “POWER” อะไรแบบนั้นก็รู้สึกแปลกๆ (หัวเราะ) ก็เลยตัดสินใจใช้ชื่อ [STELLA II] ค่ะ ดูต่อเนื่องและเป็นธรรมชาติที่สุด
วิธีการทำงานก็คล้ายๆกับอัลบั้มแรกนะคะ ไม่ได้มีเป้าหมายว่าต้องทำอัลบั้มในช่วงเวลาใดช่วงเวลาหนึ่ง แต่เป็นการคัดเลือกเพลงที่สะท้อนตัวตนของฉันในตอนนี้ จากเพลงที่แต่งสะสมไว้ และก็มีการเพิ่มเพลงใหม่ๆเข้าไปด้วยค่ะ ถ้าจะพูดถึงความแตกต่างก็คงเป็นเรื่อง “มุมมอง” ตอนทำอัลบั้มแรก ฉันยังมีความโรแมนติกกับโลกอยู่มาก แต่พอถึงอัลบั้มนี้ เหมือนกับว่าฉันได้เรียนรู้รสชาติขมๆของชีวิตมากขึ้น
ฉันรู้สึกว่า... เป้าหมายในชีวิตบางอย่าง เราอาจไม่สามารถไปถึงได้เสมอ และถ้ายึดติดมากไปก็จะกลายเป็นความทุกข์เอง ดังนั้น แทนที่จะเป็นอัลบั้มเต็มชุดแรก ซิงเกิลก่อนหน้านั้นอย่าง 'I CAN DO THIS EVERYDAY' นั้นเปรียบเป็นเหมือนส่วนขยายของอัลบั้มนี้มากกว่าค่ะ ในอัลบั้มนี้ฉันต้องการแสดงออกว่าอย่างตรงไปตรงมามากขึ้น ว่าฉันยังเป็นคนๆหนึ่งที่หลงรักเสียงเพลงและยังเต็มไปด้วยความรู้สึกเหล่านั้นอยู่ รวมถึงในจุดที่ว่าฉันค่อยๆยอมรับตัวทนที่แท้จริงของตนเอง กลับมาเชื่อในความโรแมนติกอีกครั้ง
✦ อย่างที่บอกว่าอัลบั้มใหม่นี้เป็นเล่าถึงตัวตนของตัวฉันในวันนี้ ถ้าอย่างนั้น สำหรับคุณอะไรคือคุณค่าที่สำคัญที่สุดในการใช้ชีวิตคะ?
สุขภาพและการนอนค่ะ! เพราะการนอนก็เกี่ยวกับสุขภาพเหมือนกัน และสุขภาพไม่ได้มีแค่ร่างกายแต่จิตใจก็สำคัญมาก ตอนยังเด็กเราอาจไม่รู้ตัว เพราะทุกคนยังแข็งแรงดี และศิลปินหลายคนก็ไม่ได้มีไลฟ์สไตล์ที่เฮลท์ตี้นัก สำหรับฉันเองก็ไม่ค่อยชอบออกกำลังกาย ทำงานดึก ตื่นสาย กินไม่เป็นเวลา ยังดีหน่อยที่ฉันไม่ดื่มแอลกอฮอล์เลย การใช้ชีวิตเป็นศิลปินก็สำคัญ แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือควรจะดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดีค่ะ
✦ เห็นด้วยมากค่ะว่าสุขภาพสำคัญสุดๆ เพราะถ้าไม่สบายขึ้นมาก็ทำอะไรไม่ได้เลย ศิลปินเวลาทำงานบางทีก็ลืมดูแลตัวเองง่าย เลยใช่ไหมคะ อย่างเช่นทำงานดึก นอนไม่เป็นเวลา ยังไงก็ขอให้ดูแลสุขภาพดี ๆ นะคะ
ใช่เลยค่ะ ช่วงนี้ฉันรู้สึกถึงสขภาพร่างกายที่แย่ลงจริง ๆ พอสุขภาพไม่ดี ความคิดเชิงบวกก็หายไปด้วย สุดท้ายแล้ว สุขภาพคือสิ่งที่ทำให้เราทำอย่างอื่นได้ทั้งหมดเลย ตอนนี้ สุขภาพคือสิ่งสำคัญอันดับหนึ่งในชีวิตฉันเลยค่ะ
✦ ใช่ค่ะ ขอให้เราทุกคนสุขภาพดีนะคะ งั้นขอถามต่ออีกหนึ่งคำถาม เพลงของ Stella Jang มีพลังที่ทำให้วันธรรมดาๆดูพิเศษขึ้นมาได้เสมอเลยค่ะ มีเคล็ดลับอะไรในการมองวันธรรมดาให้พิเศษขึ้นบ้างไหมคะ?
การทำให้วันธรรมดาดูไม่ธรรมดา... จริงๆแล้วฉันไม่เคยตั้งใจให้เป็นแบบนั้นนะคะ แล้วฉันก็ไม่ได้คิดว่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะเพลงของฉันด้วย ฉันคิดว่ามันเป็นพลังของดนตรีต่างหากค่ะ เวลาฟังเพลง เราก็จะรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในมิวสิกวิดีโอแบบไม่รู้ตัว ฉันว่าเพลงของฉันก็แค่ทำหน้าที่แบบเดียวกันน่ะค่ะ
✦ ใช่เลยค่ะ แม้จะเป็นวันธรรมดาเหมือนเดิม แค่ตอนที่เดินอยู่ในรถไฟฟ้าใต้ดินพร้อมกับฟังเพลง โลกก็ดูเปลี่ยนไปแล้ว เหมือนหลุดเข้าไปในฉากหนังเลยค่ะ (หัวเราะ) พูดถึงภาพลักษณ์ของอัลบั้มใหม่กันบ้างนะคะ [STELLA II] มีภาพลักษณ์ที่แตกต่างจาก [STELLA I] อย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นชุดเดรสดำ ผมดำ รองเท้าดำ อิมเมจนี้มีความหมายอะไรบ้างคะ?
ฉันไม่เคยตั้งใจจะเป็นคนที่มีภาพลักษณ์สดใสหรือมีสีสันเลยค่ะ ส่วนมากจะเปลี่ยนลุคตามคำแนะนำจากคนรอบตัว หรือเพื่อให้เข้ากับคอนเซ็ปต์ในช่วงนั้นๆ แต่ครั้งนี้ฉันอยากจะเผยให้เห็นถึงตัวตนที่จริงจังของฉันจริงๆ เพลงบางเพลงในอัลบั้มอาจจะฟังยากหน่อยเพราะมันค่อนข้างจริงจัง แต่ตอนนี้สิ่งที่ฉันให้คุณค่าที่สุดในชีวิต นอกจากสุขภาพแล้วก็คือความจริงใจและความจริงจังนี่แหละค่ะ
✦ ใช่เลยค่ะ อัลบั้มนี้ให้ความรู้สึกจริงจังมากขึ้น เหมือนเราสัมผัสได้ถึงความคิด ความกังวลในชีวิตของคุณ ความพยายามที่จะผ่านมันไป ทำให้นึกว่าอาจมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับคุณบ้างรึเปล่านะ? ในวันนี้คุณจะร้องเพลงใหม่ให้เราฟังสองเพลง คือ WALKMAN กับ Colors ใช่ไหมคะ? ช่วยแนะนำเพลงให้เราหน่อยค่ะ
ได้เลยค่ะ เพลง Colors เหมือนจะได้รับความนิยมในแถบอาเซียนด้วย พอรู้ว่า Kitto เป็นแมกกาซีนที่มีผู้อ่านในเอเชีย เลยคิดว่าเพลงนี้น่าจะเหมาะค่ะ
ส่วน WALKMAN คือเพลงไตเติลของอัลบั้มนี้ค่ะ แต่เพราะชื่อดันตรงกับแบรนด์ เลยยังรอการอนุมัติจากสถานีออกอากาศอยู่ค่ะ (หัวเราะ)
✦ เพลง WALKMAN พูดถึงการค้นหาและหวนคิดถึงอะไรที่เป็นอนาล็อก นี่เป็นเรื่องจากประสบการณ์ตรงของ Stella Jang เลยหรือเปล่าคะ?
ใช่เลยค่ะ ฉันรู้สึกเหมือนอยู่ในหนัง Midnight in Paris เพราะไม่เคยใช้ชีวิตในยุค 70-80s มาก่อน จะพูดว่าฉันหวนคิดถึงยุคสมัยที่ไม่เคยใช้ชีวิตอยู่เลยก็ว่าได้ค่ะ จริงๆแล้วก็แปลกอยู่นะ ทั้งๆที่ไม่เคยอยู่ในยุคนั้นแท้ๆ แต่กลับคิดถึง ฉันเองเป็นแบบนั้นค่ะ
ฉันพยายามผสมผสานการบันทึกเสียงแบบดิจิทัลและอนาล็อกในการทำเพลง เพราะบางอย่างถ้าใช้วิธีอนาล็อกจะฟังดูดีกว่า
ฉันคิดถึงยุคที่คนเห็นค่าในเสียงเพลงจริงๆ คิดถึงแผ่นเสียง เทป ซีดี คิดถึงสมัยที่เราต้องซื้ออัลบั้มที่ชอบมาเก็บไว้ สมัยนี้ผู้คนซื้ออัลบั้มกันเหมือนกับการเก็บสิ่งของหรือสะสมโฟโต้การ์ด และด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยี การฟังเพลงผ่านสตรีมมิ่งก็เป็นที่นิยมมากขึ้น ยิ่งเทคโนโลยีล้ำขึ้น อะไรแบบนี้(อนาล็อก)ก็ยิ่งมีคุณค่ามากยิ่งขึ้นค่ะ
คำว่า “จริงใจ” ที่ฉันพูดถึงก่อนหน้านี้ หมายถึงหลายๆอย่าง ไม่ใช่แค่ความรู้สึกที่จริงใจ แต่รวมถึงการไม่แต่งเสียง ฉันคิดว่าสิ่งนี้ก็เรียกได้ว่าเป็นความจริงใจอย่างหนึ่งค่ะ ไม่ปรับออโต้จูน เป็นเสียงร้องจริง ๆ แบบไม่มีการตกแต่ง เวลาฉัน arrange เพลงหรือปรับแต่งอะไรบางอย่าง บางทีก็คิดว่านี่ฉันกำลังทำให้มันง่ายเกินไปอยู่หรือเปล่า? เลยพยายามจะไม่ปรับแต่งอะไรให้มากที่สุดค่ะ จริงๆแล้วถึงจะไม่มีใครรู้ก็เถอะ แต่ฉันก็ยังคงอยากให้ได้ฟังเพลงในสภาพนี้ เพราะจริงๆฉันเองก็ไม่ค่อยได้ตามเทรนด์ ไม่รู้ว่าเค้ากำลังชอบแบบไหนกันอยู่น่ะค่ะ
✦ แบบนี้คงไม่ค่อยดู Reels หรือ Shorts ใช่ไหมคะ?
ฉันเล่นมือถือตลอดก็จริง แต่ส่วนมากเล่นแค่เกมง่ายๆค่ะ อย่าง Instagram ก็เข้าดูอยู่ไม่กี่แอคเคานต์ที่ชอบ บางทีก็รู้สึกเหมือนฉันละเลยหน้าที่ตัวเองในฐานะศิลปิน เพราะว่ากันตามจริงเทรนด์ก็คือส่วนหนึ่งของงานนี้ใช่ไหมล่ะคะ
แต่ฉันก็ไม่ได้หมายความว่าฉันเป็นศิลปินที่เอาแต่ขังตัวเองในห้องหรือทรมานตัวเองเพื่อศิลปะ แค่รู้สึกว่าตัวเองอยู่ตรงกลางระหว่างโลกแห่งศิลปะและโลกแห่งความนิยม แล้วก็พยายามหาทางผ่านมันไปอยู่ค่ะ
✦ ถึงคุณจะบอกว่าตัวเองอยู่ตรงกลาง แต่ในอัลบั้มนี้เรารู้สึกถึงความรักที่ Stella Jang มีต่อดนตรีอย่างแท้จริง มันมากกว่าแค่การเป็นงาน เพราะเรารู้สึกได้ถึงความเชื่อของคุณในสิ่งนี้เลยล่ะค่ะ
ก็เลยเกิดสงสัยขึ้นมาค่ะ ว่าสำหรับ Stella Jang แล้วดนตรีมีความหมายอย่างไร? ถ้าจะนิยามเพลงของตัวเอง คุณจะนิยามว่ายังไงคะ?
ฉันไม่ได้รักทุกขั้นตอนของการทำเพลงหรอกนะคะ บางอย่างก็ไม่ชอบเลย
แต่เพลงอย่าง I Love To Sing ในอัลบั้มนี้ เป็นเพลงที่ถ่ายทอดความรู้สึกว่าที่ฉันชอบร้องเพลง ชอบเขียนเนื้อเพลง ชอบสร้างเมโลดี้ การที่ฉันได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก และได้รับความรักจากทุกๆคนนั้นช่างเป็นอะไรที่ดีมากๆ ทำนองนี้ค่ะ
ฉันร้องเพลงทุกวันที่บ้านเลยค่ะ เป็นนักร้องที่ชอบไปร้องคาราโอเกะแบบหยอดเหรียญด้วยนะ ร้องเพลงคนอื่นก็ชอบ เพลงตัวเองก็ชอบ แค่รู้สึกว่า ฉันเป็นคนที่ชอบร้องเพลงจริงๆนะเนี่ย และอัลบั้มนี้ก็คือความจริงใจของฉันที่มีต่อเสียงเพลงค่ะ
✦ ใช่เลยค่ะ ฟัง I Love To Sing แล้วเข้าใจทันทีว่า Stella Jang รู้สึกยังไงกับดนตรี เพลงดีมากจริงๆ แล้วมันถ่ายทอดความรู้สึกได้ดีมากว่าคุณรักเสียงเพลงขนาดไหน แฟนๆของคุณต้องชอบแน่เลย
ใช่ค่ะ เหมือนเป็นเพลงที่บอกว่า ถึงจะดูเหมือนฉันไม่ได้รักดนตรีเท่าไหร่...แต่จริงๆแล้ว ฉันรักมันมากเลยนะ (หัวเราะ)
✦ คุณไปร่วมร้องเพลง ‘청춘 (Youth)’ ในอัลบั้มครบรอบ 20 ปีของวง Peppertones และก็เคยฟีเจอริ่งกับศิลปินหลายคน อย่าง Lee Jin Ah, John Park การฟีเจอริ่งต่างจากการร้องเพลงของตัวเองยังไงบ้างคะ?
ร้องเพลงของ Peppertones สนุกมากค่ะ เพราะเป็นเพลงที่ฉันชอบอยู่แล้ว พอได้เรียบเรียงใหม่ก็ยิ่งรู้สึกชอบมากขึ้นไปอีกราวกับเพลงของตัวเองเลยล่ะค่ะ เลยได้ร้องหลายครั้งในคอนเสิร์ตค่ะ นอกเหนือจากเพลง Youth แล้วมีเพลงอื่นที่ไปฟีเจอริ่งด้วยเหมือนกัน แต่บางเพลงร้องค่อนข้างยากเลยทีเดียว เพราะไม่ได้แต่งมาให้เข้ากับช่วงเสียงของฉัน ต้องใช้พลังเยอะเลยค่ะ
กับ Lee Jin Ah ตอนแรกแค่ให้ช่วยเขียนเนื้อเพลง สุดท้ายก็ได้ร้องด้วยกัน ส่วน John Park มาขอให้ฉันอัดเสียง narration ให้ เขาก็ส่งคอนเซ็ปต์มา แล้วฉันก็อัดจากบ้านเลยค่ะ จริงๆแล้วมีเสียงของเขาปรากฏอยู่ในหลายเพลงของฉันอยู่นะคะ เขาช่วยร้องคอรัสให้ด้วย และไม่เคยปฏิเสธเลย ฉันก็เลยอยากตอบแทนเขาให้ได้ ดีมากๆที่สุดท้ายก็ได้ร่วมงานกันค่ะ
✦ ในอัลบั้มมีทั้งภาษาฝรั่งเศส อังกฤษ และเกาหลี คุณเลือกภาษาในแต่ละเพลงยังไงคะ?
จริงๆไม่ได้มีกำหนดตายตัวค่ะ ปกติแล้วจะใช้ภาษาที่เขียนเดโมครั้งแรกเป็นหลักค่ะ ถ้าเดโมเป็นภาษาอังกฤษ เพลงก็จะจบที่อังกฤษ แต่มีบางเพลงที่ตอนแรกแค่ฮัมๆหรือเขียนไว้คร่าวๆเป็นภาษาอังกฤษ แล้วมาเขียนเนื้อภาษาเกาหลีใหม่ทีหลังก็มีนะคะ แต่เอาแบบปกติ 99% คือเป็นไปตามภาษาที่เริ่มเขียนแต่แรกแล้วมาแก้ไขนิดหน่อยค่ะ
ในอัลบั้มนี้ตอนแรกมีแค่เพลงภาษาอังกฤษกับภาษาเกาหลีทั้งหมด 9 เพลงค่ะ แต่ฉันอยากให้เป็นเลขสองหลัก เลยเพิ่มเพลงฝรั่งเศสเข้าไป เพลงที่ 5 ชื่อ Un Beau Jour De Pluie เป็นเพลงที่เคยแต่งเมโลดี้ไว้นานแล้วแต่ยังไม่มีเนื้อ เลยตัดสินใจเขียนเป็นภาษาฝรั่งเศส เพราะไม่อยากให้มันฟังดูถูกต้องเกินไปแบบภาษาอังกฤษ อยากได้ความรู้สึกที่แปลกใหม่ค่ะ
✦ ตอนฟังเหมือนตั้งใจจะเขียนเป็นภาษาฝรั่งเศสตั้งแต่แรกเลยค่ะ เพราะมันฟังดูเป็นธรรมชาติมาก
แต่ตอนอัดเสียงจริงมันยากมากเลยค่ะ เพราะแต่ละภาษามีการออกเสียงและการเปล่งเสียงที่ไม่เหมือนกัน รู้สึกเลยว่าภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ร้องเพลงได้ง่ายและลื่นไหลกว่าเยอะ แต่พอเป็นภาษาฝรั่งเศส มันมีจุดที่เสียงหลุดหรือควบคุมไม่ค่อยได้หลายจุดเลยค่ะ ตอนแรกก็คิดว่าจะเปลี่ยนเนื้อเพลงกลับเป็นภาษาอังกฤษดีไหม แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจใช้ภาษาฝรั่งเศสเหมือนเดิม หวังว่าทุกคนจะชอบกันนะคะ
✦ มีประกาศว่าจะจัดคอนเสิร์ตในเดือนพฤษภาคมนี้ อยากให้เล่าให้ฟังหน่อยค่ะว่าคอนเสิร์ตครั้งนี้มีธีมอะไร และอยากแนะนำอะไรเกี่ยวกับคอนเสิร์ตบ้าง?
ตอนที่ปล่อยอัลบั้มก่อนหน้านี้ เป็นช่วงที่โควิดระบาดหนักเลยไม่ได้จัดคอนเสิร์ตค่ะ เพราะงั้นนี่จะเป็นคอนเสิร์ตฉลองการปล่อยอัลบั้มเต็มครั้งแรกของฉันจริงๆ ก่อนหน้านี้เคยจัดคอนเสิร์ต Winterstella มาแล้ว แต่นั่นเป็นอัลบั้ม EP และเป็นคอนเสิร์ตตามฤดูกาล เลยให้ความรู้สึกต่างกัน ครั้งนี้พอเป็นคอนเสิร์ตสำหรับอัลบั้มเต็มจริง ๆ ก็เลยคิดเยอะมาก ตอนนี้อยู่ในช่วงจัดเซ็ตลิสต์อยู่ค่ะ พยายามจะใส่เพลงใหม่ให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ
✦ มีแพลนหรือสิ่งที่อยากทำให้ได้ในปี 2025 เป็นพิเศษไหมคะ?
อยากไปดำน้ำ (scuba diving) เยอะๆ เลยค่ะ ฉันเพิ่งสอบใบอนุญาตดำน้ำได้เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว แล้วก็ไปดำน้ำทัวร์ที่ฟิลิปปินส์ในเดือนพฤศจิกายน ถึงจะยังไม่มีประสบการณ์มากนัก แต่รู้สึกว่านี่แหละคืองานอดิเรกที่จะทำได้ตลอดไป ช่วงปลายปีอย่างพฤศจิกายน–ธันวาคม น้ำจะเริ่มเย็น ดำน้ำไม่ได้แล้ว แต่ตอนนั้นฉันตื่นเต้นจนซื้ออุปกรณ์ดำน้ำครบเลยค่ะ ปกติไม่ใช่คนที่ใช้เงินกับอะไรเยอะๆ แต่ครั้งนี้ลงทุนสุดตัว น่าเสียดายที่อากาศยังหนาวอยู่เลยยังไม่ได้ลองใช้อุปกรณ์ใหม่เลยซักครั้ง หวังว่าในปี 2025 จะได้ออกไปดำน้ำบ่อยๆค่ะ
✦ คำถามสุดท้ายค่ะ อยากฝากอะไรถึงผู้อ่านนิตยสาร Kitto บ้างไหมคะ?
กลับมาทักทายทุกคนอีกครั้งพร้อมอัลบั้มเต็มในรอบหลายปีเลยค่ะ ถึงแฟนๆของ Kitto ทุกคน อัลบั้มนี้มีเพลงภาษาอังกฤษเยอะ หวังว่าจะฟังกันได้แบบสบายๆ และสนุกกับมันนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
สนุกดี
0
เห็นด้วย
0
คาดหวัง
0
ได้รับความช่วยเหลือ
0